· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในระดับแข็งค่าหลังรายงานกาประชุมเฟดเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางตลาดที่มีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ลดน้อยลงไปบ้าง
ขณะที่ค่าเงินในตลาดเอเชียถูกคาดการณ์ว่าจะปรับแข็งค่าขึ้น ก่อนหน้าการประชุมธนาคารกลางประจำปี ณ เมืองแจ็คสัน โฮล โดยตลาดจะจับตาถ้อยแถลงจากนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่มีกำหนดขึ้นกล่าวถ้อยแถลงวันพรุ่งนี้ เพื่อหาทิศทางต่อไปสำหรับการปรับลดดอกเบี้ย
· นักวิเคราะห์จาก IG Securities ระบุว่า การเคลื่อนไหวของพันธบัตรในช่วงนี้เป็นผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ แต่ทิศทางแข็งค่าของดอลลาร์อาจคงอยู่ได้ไม่นานนัก หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดพรุ่งนี้ โดยปัจจุบัน ตลาดตอบรับกับกระแสคาดกาณร์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างเต็มที่ หากถ้อยแถลงของประธานเฟดมีท่าทีคุมเข้มนโยบายกลับมาเล็กน้อย ตลาดหุ้นอาจเผชิญแรงเทขาย ซึ่งจะกดดันค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน
· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนแถวระดับ 106.50 เยน/ดอลลาณ์ หลังจากเมื่อวานนี้แข็งค่า 0.36% ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินหยวนแถว 7.0694 หยวน/ดอลลาร์
· การประชุม G7 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มที่การประชุมจะจบลงโดยไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น หลังนายเอมมานูเอล มาตรง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวตำหนิการถอนตัวออกจากข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าเป็นการกระทำที่จะกดดันความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างประเทศในกลุ่ม และทำให้ความพยายามหาข้อตกลงร่วมกันใดๆ “ไร้ความหมาย”
· นักวิเคราะห์จาก Berenberg เตือน หากสหรัฐฯเปิดศึกการค้าอย่างเต็มรูปแบบกับยุโรป เศรษฐกิจสหรัฐฯจะได้รับความเสียหายยิ่งกว่าสงครามการค้ากับประเทศจีนที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันเสียอีก เนื่องจากยุโรปเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการค้าขายระหว่างสหรัฐฯ-ยุโรปมีมูลค่ามากกว่าการค้าขายระหว่างสหรัฐฯ-จีนถึง 70% ในปี 2018
โดย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงท่าทีข่มขู่ทางเศรษฐกิจกับยุโรปอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะให้ความสำคัญไปยังการกดดันทางเศรษฐกิจกับจีนในช่วงนี้มากกว่า ซึ่งภายในเดือน พ.ย. ทีมบริหารของเขาจะมีการตัดสินใจว่าจะดำเนินการขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรปหรือไม่
ทั้งนี้ สหรัฐฯได้ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจากยุโรป ส่งผลให้ทางยุโรปตอบโต้สหรัฐฯด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯอีก 25% เป็นมูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญ เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2018 อีกทั้งยังมีประเด็นความขัดแย้งระหว่างบริษัท Airbus และ Boeing
· ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในเยอรมนียังคงระดับอ่อนแอในเดือน ส.ค. ท่ามกลางภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จึงเป็นอีกปัจจัยที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีกำลังมุ่งหน้าเข้าภาวะถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีประกาศออกมาเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.4 จุด จากเดือนก่อนที่ 50.9 จุด
· ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศแห่งเกาหลีใต้ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ เกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ จะกลับมาอีกครั้ง และมีแนวโน้มที่การเจรจา “จะดำเนินไปได้ด้วยดี”
ถ้อยแถลงดังกล่าว เกิดขึ้นหลังการประชุมร่วมกันระหว่างที่ปรึกษาด้านความมั่นคงและเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำเกาหลีเหนือ
· โฆษกเกาหลีเหนือเตือนเกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธพิสัยระยะกลางของสหรัฐฯและการปล่อยเครื่องบินรบรุ่น F-35 ในพื้นที่คาบสมุทธเกาหลี เป็นการกระทำที่ “อันตราย” และอาจเป็นชนวนก่อ “สงครามเย็นครั้งใหม่”
อย่างไรก็ตาม ทางเกาหลีเหนือยังคงไม่เปลี่ยนแปลงความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งผ่านวิธีทางการทูต แต่ “การนำกำลังทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทูต เป็นวิธีที่ไม่อยู่พิสัยของเกาหลีเหนือ”
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากเพิ่มขึ้นได้ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.3% ที่ระดับ 60.14 เหรียญ/บาณืเรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.2% ที่ะรดับ 55.58 เหรียญ/บาร์เรล
หุ้นส่วนผู้จัดการที่ Valor Markets ระบุว่า ตลาดน้ำมันยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า แก๊สโซลีนและการกลั่นน้ำมันสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบลดลงเนื่องจากโรงกลั่นที่มีเพิ่มการผลิตมากขึ้น
ทั้งนี้ เหล่าเทรดเดอร์มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
· WTI technical analysis: ทิศทางขาขึ้นถูกจำกัดโดยแนวต้านเทรนขาลง
ราคาน้ำมัน WTI กำลังเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 55.96 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากทดสอบไม่ผ่านเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ที่ระดับ 56.10 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งยังเป็นแนวต้านของเทรนขาลง
ดังนั้นภายในการซื้อขายวันนี้ ตลาดจะจับตาไปที่ระดับ 55.57 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเมื่อวาน หากหลุดระดับลงไปทิศทางจะกลับเข้าสู่ขาลงต่อ และมีโอกาสลงไปถึงระดับ 53.79 เหรียญ/บาร์เรล
ในทางกลับกัน หากราคาปรับขึ้นเหนือแนวต้านของเทรนขาลงที่ระดับ 56.10 เหรียญ/บาร์เรลได้ ราคาจะสามารถเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นต่อจากระดับต่ำสุดของวันที่ 7 ส.ค. ที่ 50.55 เหรียญ/บาร์เรลได้