• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2562

    26 สิงหาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทสหรัฐฯเปลี่ยนยุทธศาสตร์การผลิตให้หาทางเลือกอื่นแทนประเทศจีนในการผลิตสินค้าของตนเอง ด้วยการกลับบ้านและผลิตสินค้าในสหรัฐฯ หลังจากที่ทางการจีนประกาศตอบโต้ด้วยการจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ และดูจะสร้างความยืดเยื้อให้แก่สงครามการค้าออกไปอีก


และประเด็นดังกล่าวได้ทำให้เกิดแรงเทขายเข้ามาในดอลลาร์ร่วงลงจากระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร และร่วงลงจากระดับแข็งค่า 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯก็ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ด้านค่าเงินหยวนอ่อนค่าเมื่อเทียบค่าเงินดอลลาร์ทำระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์


ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.5% แตะระดับ 1.1134 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ช่วงต้นตลาดทำระดับอ่อนค่ามากสุดรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ 1.1052 ดอลลาร์/ยูโร ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.55% ที่ระดับ 97.64 จุด


ด้านค่าเงินเยนแข็งค่ากลับลงมาทำระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ระดับ 105.46 เยน/ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 0.9% หลังจากที่ช่วงต้นตลาดอ่อนค่าทำระดับสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ระดับ 106.73 เยน/ดอลลาร์


ค่าเงินหยวนปรับอ่อนค่าขึ้น 0.6% ที่ระดับ 7.13 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดไปทำอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ 7.1332 หยวน/ดอลลาร์


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯระหว่างอายุ 10 ปี และ 2 ปี ปรับตัวผกผันกันหลายครั้งตลอดการซื้อขายวันศุกร์ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯสั่งภาคบริษัทของสหรัฐฯให้ย้ายฐานการผลิตจากจีน โดยอาจเลือกที่จะกลับมาทำการผลิตที่สหรัฐฯแทน


อย่างไรก็ดี ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯกลับมาปิดในภาวะปกติ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดที่ 1.535% ขณะที่ 2 ปีปรับตัวลงต่ำกว่าโดยทรงตัวที่ 1.513% แต่การผกผันกันบ่อยครั้งของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2 ชนิดดูจะส่งผลให้เกิดคาดการณ์ว่าจีดีพีสหรัฐฯจะหดตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้


· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ส่งสาส์นถึงตลาดการเงินว่า เฟดมีขีดความสามารถในขอบเขตที่จำกัดในการลดผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สร้างความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดพร้อมดำเนินมาตรการทางการเงินอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ และถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้ตลาดตีความว่าเฟดอาจเปิดทางลดดอกเบี้ยอีกในอนาคต

ณ ที่ประชุมธนาคารกลางประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เกิดขึ้นในช่วงที่นายทรัมป์กำลังกดดันให้เฟดลดดอกเบี้ยเพิ่ม ซึ่งนายโพเวลล์ ก็มีการกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังอยู่ในตำแหน่งที่ดี ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ของนักลงทุนก่อนหน้านี้ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า จากสัญญาณเตือนของตลาดพันธบัตรที่บ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย


อย่างไรก็ดี ตลาดมองว่าถ้อยแถลงของประธานเฟดไม่มีอะไรใหม่นัก แต่ก็สร้างความสบายใจให้กับนักลงทุนในระดับหนึ่งว่าเฟดเต็มใจลดดอกเบี้ยอีก แม้ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงการผ่อนคลายนโยบายดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวังก็ตาม แต่การที่เฟดอาจไม่สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้าที่ก่อโดยนายทรัมป์นั้น ได้สร้างความไม่พอใจแก่นายทรัมป์อย่างมาก อันจะเห็นได้จากทวิตเตอร์ของเขาที่กล่าวหาว่า นายโพเวลล์ เป็นศัตรูของชาติ เหมือนกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนนั่นเอง





นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนว่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงสะท้อนความไม่แน่นอนในด้านนโยบายเศรษฐกิจและความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสร้างความเสียหายรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ มีเครื่องมือนโยบายการเงินที่ใช้ได้น้อยลง


ขณะที่ประธานเฟด กล่าวเพิ่มเติมว่า บรรดาผู้กำหนดนโยบายกำลังเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างระมัดระวัง พร้อมกับการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน เพื่อให้สามารถดำเนินการอย่างเหมาะสมในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน


นายโพเวลล์ เตือนด้วยว่า เวลานี้การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นหนึ่งในกระบวนการตัดสินใจกำหนดนโยบายของเฟด เนื่องจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ และความไม่แน่นอนที่เรากำลังเผชิญเกี่ยวกับมิติโครงสร้างเศรษฐกิจ





· CNN รายงานว่า กระทรวงการคลังจีน ประกาศตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ มูลค่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญ หรือที่อัตรา 5-10% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. พร้อมแผนเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มเติมในเดือนธ.ค. ทำให้ความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้น


ทางด้าน นายทรัมป์ตอบโต้ด้วยการสั่งขึ้นภาษีอากรขาเข้ากับสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ จาก 25% เป็น 30% ตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป พร้อมขยายกรอบกำแพงภาษีครอบคลุมสินค้ามูลค่า 3 แสนล้านเหรียญ จากอัตรา 10% เป็น 15% เริ่ม 1 กันยายนนี้


· ในการประชุม G7 ที่ประเทศฝรั่งเศส นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยถึงความเป็นไปได้ที่จะเชิญรัสเซียร่วมการประชุม G7 ในปีหน้าซึ่งสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม ขณะเดียวกันนายทรัมป์ก็มีการอวย นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษว่าเป็นผู้นำที่เหมาะสม พร้อมคาดว่าจะสามารถทำข้อตกลงครั้งใหญ่กับทางอังกฤษได้ แม้ว่าอังกฤษจะออกจากอียู

ระหว่างการประชุม G7 นายทรัมป์ เผย อาจทำการประกาศถึงภาวะตึงเครียด Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีนเป็นภาวะฉุกเฉินแห่งชาติหากจำเป็นต้องทำ

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงหลังจากที่จีนเผยจะทำการตอบโต้สหรัฐฯด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯมูลค่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญ จึงยิ่งตอกย้ำความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศให้เพิ่มมากขึ้น

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 50 เซนต์ หรือ -0.8% ที่ระดับ 59.40 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 1.18 เหรียญ หรือ -2.1% ที่ระดับ 54.17 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจีน เผยจะทำการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯอีก 5% หรือ 10% ของสินค้าจำนวน 5,078 รายการ ประกอบไปด้วย สินค้าเกษตร อาทิ ถั่วเหลือง น้ำมันดิบ และเครื่องบินขนาดเล็ก

และการตอบโต้ของจีนนำไปสู่การที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ภาคบริษัทสหรัฐฯทำการมองหาฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อสร้างผลผลิตในสหรัฐฯแทน





บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com