• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2562

    26 สิงหาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินหยวนอ่อนค่าแตะระดับสูงสุดรอบ 11 ปี โดยมีระดับการอ่อนค่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่สหรัฐฯและจีนกลับมามีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างกันอีกครั้ง จึงลดความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุน และฉุดให้เกิดความกังวลต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโ,ก



ในขณะที่ค่าเงินเยนถูกเข้าซื้อในฐานะ Safe-Haven จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ท่ามกลางกลุ่มผู้นำเข้าที่มีแรงเขายเข้ามา แต่ภาพรวมก็ยังมีทิศทางแข็งค่าจากดอลลาร์ที่อยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าตามภาวะสินทรัพย์เสี่ยงตา่งๆ



ทั้งนี้ ค่าเงินหยวนอ่อนค่าไปแตะ 7.15 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่ ก.พ. ปี 2008 โดยระหว่างวันไปทำอ่อนค่ามากที่สุดที่ 7.1850 หยวน/ดอลลาร์



ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีปรับลง 1.475% ถือว่าเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่อายุ 2 ปีร่วงลงแตะ 1.465%



นักวิเคราะห์มองค่าเงินเยนมีโอกาสแตะเป้าหมายถัดไปที่ 104.1 เยน/ดอลลาร์ อันจะเป็นระดับแข็งค่าที่สุดตั้งแต่ 3 ม.ค. ขณะที่ล่าสุดของวันทำระดับอ่อนค่ามากสุดที่ 104.46 เยน/ดอลลาร์




· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลงวันนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับสัปดาห์แห่งความผันผวนของกรณี Trade War สหรัฐฯ-จีน โดยอัตราผลตอนแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับลงแตะ 1.449% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร 1.942%



ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี และ 2 ปี ดูจะกลับมาเป็นจุดสนใจตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ผลตอบแทนยังคงมีความผกผันกัน และในช่วงเช้าผลตอบแทนระยะสั้น 2 ปี มีระดับการซื้อขายแถว 1.463%



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในที่ประชุม G-7 ว่า พร้อมที่จะกลับมาร่วมโต๊ะเจรจากับจีน และทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเจรจากันอย่างจริงจัง พร้อมกล่าวชื่นชมนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และความมุ่งมั่นของเขาที่จะหาข้อตกลงร่วมกันอย่างสงบ



รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่า จีนเป็นฝ่ายติดต่อเข้ามาเพื่อขอเริ่มต้นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯใหม่อีกครั้ง หลังจากมีการกล่าวถ้อยแถลงว่าต้องการเจรจากับสหรัฐฯอย่างสงบ ซึ่งทางสหรัฐฯจะตอบรับคำเชิญจากจีนและกลับมาร่วมการเจรจาอีกครั้ง



· นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน ระบุว่า ทางรัฐบาลจีนมีความพร้อมที่จะเจรจาแก้ไข้ปัญหาทางการค้ากับสหรัฐฯอย่าง “สงบ” พร้อมระบุว่า ไม่ต้องการให้สงครามการค้าขยายตัวรุนแรงไปมากกว่านี้


· นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ กล่าวย้ำเตือนถึงการที่ประกาศขึ้นภาษีจีนครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ โดยระบุว่า เป็นเพราะการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรมของประเทศจีน เนื่องจากการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเปรียบเสมือนถนนทางเดียว จีนสามารถเข้าถึงตลาดและลงทุนในสหรัฐฯได้ ขณะที่สหรัฐฯไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันร



หากจีนยอมตกลงที่จะมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่สมดุลและยุติธรรม สหรัฐฯจะตัดสินใจร่วมลงนามในข้อตกลงโดยทันที นายมนูชินกล่าว


· นักวิเคราะห์จากธนาคาร Standard Chartered ระบุว่า ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ “ควรกังวลมากที่สุด” ขณะที่ทางธนาคารมองโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มสูงขึ้นเป็น 40% จากเดิมที่ 25%


· ผู้เชี่ยวชาญจาก Center for Strategic and International Studies กล่าวว่า ควาตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ดูไม่มีแนวโน้มจะส่งผลต่อการเจรจาการค้าของสองประเทศ เนื่องจาก ทั้งสหรัฐฯและจีนดูจะต้องการให้ต่างฝ่ายต่างยอมเข้าสู่การเจรจา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปในเชิงภาพสะท้อนทางการเมืองมากกว่า



· สหรัฐฯและญี่ปุ่นสามารถเจรจาและหาข้อตกลงกันในประเด็นหลักๆทางการค้าร่วมกันได้ โดยที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ต่างระบุว่า การลงนามร่วมกัน น่าจะเกิดขึ้นได้ภายในเดือนหน้า



นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงจะครอบคลุมไปยังสินค้าการเกษตร ภาษีภาคอุตสาหกรรม และการค้าทางดิจิทัล ส่วนภาษียานยนต์จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด



ทางนายทรัมป์ระบุว่า ญี่ปุ่นตกลงที่จะเข้าซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้าวโพดที่ได้รับผลกระทบจากสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งนายอาเบะก็ได้กล่าวในทำนองเดียวกัน โดยเพิ่มเติมว่าการเข้าซื้อจะให้ภาคเอกชนเป็นฝ่ายจัดการ


· ในที่ประชุม G-7 นายทรัมป์ส่งสัญญาณว่า สหรัฐฯจะมีข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่ร่วมกับอังกฤษ ซึ่งจะเป็นข้อตกลงสหรัฐฯ-อังกฤษที่ใหญ่กว่าครั้งไหนๆ แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด


· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง กดดันให้ทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ทำลายความเชื่อมั่นในการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก



น้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.9% ที่ะรดับ 58.92 เหรียญ/บารืเรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.1% ที่ะรดับ 53.55 เหรียญ/บารืเรล



ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากประเด็นสงครามทางการค้า ขณะที่ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่ระบุว่า เฟดมีขีดความสามารถในขอบเขตที่จำกัดในการลดผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สร้างความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดพร้อมดำเนินมาตรการทางการเงินอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ และถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้ตลาดตีความว่าเฟดอาจเปิดทางลดดอกเบี้ยอีกในอนาคต

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com