· ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะปิดตลาดเดือนนี้แข็งค่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ท่ามกลางปัจจัยความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่เพิ่มากขึ้น รวมถึงตลาดที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าร่วมกันได้สำเร็จ
ทั้งนี้ ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์แข็งค่า 0.2% แถวระดับ 105.83 เยน/ดอลลาร์ ในภาพรวมรายเดือนแข็งค่า 2.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ จึงอาจปิดตลาดเดือนนี้แข็งค่าด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 3 เดือน
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี เคลื่อนไหวผันผวนกับพันธบัตร อายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ -0.03% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ปี 2007
· ตลาดยังจับตาค่าเงินปอนด์อย่างใกล้ชิด หลังนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศระงับการทำงานของรัฐสภาอังกฤษไปเป็นเวลามากกว่า 1 เดือนก่อนที่จะถึง Brexit จึงเพิ่มโอกาสที่จะเกิดกรณี No-deal Brexit มากขึ้น โดยค่าเงินปอนด์อ่อนค่า 0.25% แถว 1.2183 ดอลลาร์/ปอนด์ ใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ปี 2017 ที่ 1.2015 ดอลลาร์/ปอนด์
· นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีกำหนดจะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 1 ต.ค. โดยเนื้อหาหลักของถ้อยแถลงจะเป็นการปลุกระดมและให้ขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการและกองทัพ ให้ขับเคลื่อนต่อไปโดยมีคณะกรรมการฝ่ายกลางและนายจิ้นผิงเป็นจุดศูนย์กลาง
หลายๆฝ่ายจะให้ความสำคัญไปกับถ้อยแถลงของนายจิ้นผิง เพื่อหาทิศทางต่อไปของการดำเนินนโยบายทางการเมือง โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญหน้ากับสหรัฐฯในสงครามการค้า การประท้วงในฮ่องกง และภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
· นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank มีมุมมองว่า ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่กำลังก้าวเข้าสู่เดือนที่ 18 และความขัดแย้งที่ขยายตัวออกไปถึงประเด็นอื่นนอกเหนือจากการค้า ทางรัฐบาลจีนกำลังเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่สงครามการค้าครั้งนี้ อาจยืดเยื้อออกไปยาวนานยิ่งกว่าสงครามการค้าสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นเมื่อช่วงปี 1980 ที่กินเวลามากกว่า 1 ทศวรรษ
โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า จีนจะไม่เร่งรีบหาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ หรือจะตอบโต้สหรัฐฯอย่างสาหัส แต่กลยุทธ์ที่รัฐบาลจีนใช้ในปัจจุบันจะมองไปยังภาพรวมระยะยาวที่อาจมากกว่าอายุการทำงานของรัฐบาลสหรัฐฯชุดปัจจุบัน
· นายเซอจิโอ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี มีกำหนดจะพบกับนายจูเซปเป คอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ภายในวันนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่า ปนายเซอจิโอจะอนุมัติให้นายจูเซปเปสามารถจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างพรรค 5-Star Movement และพรรค Democratic Party (PD) ขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง
ขณะที่รายงานจากหนังสือพิมพ์ Il Sole 24 Ore ของอิตาลี ระบุว่า ในส่วนของแผนการรวมพรรคเบื้องต้น พบว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเรียกร้องความยืดหยุ่นจากอียูในการตัดสินร่างงบประมาณปี 2020
· ล่าสุด นายจูเซปเป คอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ได้รับการอนุมัติจากประธานาธิบดีให้สามารถจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างพรรค Democratic Party (PD) และพรรค Five Star Movement (M5S) ขึ้นมาได้ใหม่ หลังจากที่ทั้ง 2 พรรคสามารถเจรจาแก้ไขความขัดแย้งที่มีร่วมกันได้
· นายฮิโตชิ สุซุกิ สมาชิกบอร์ดบีโอเจ มีความเห็นว่า การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ จึงเป็นสัญญาณว่า บรรดาสมาชิกบีโอเจยังมีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอการเติบโต โดยนายสุซุกิ ระบุว่าจะไม่สนับสนุนให้บีโอเจทำการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า กองทัพจีนได้เคลื่อนกำลังพลเข้าพื้นที่ของฮ่องกงแล้วในวันนี้ ขณะที่ทางรัฐบาลจีนมีการส่งข้อความให้กับกองทหารรักษาการณ์ของฮ่องกงให้ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลกลางอย่างเคร่งครัด
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน หลังจากที่นางแมรี่ ดาร์ลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เธอกำลังทำการ “Watch and See” เพื่อประเมินว่าเฟดควรปรับลดดอกเบี้ยต่อไปอย่างไร ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง แต่ก็ยังเผชิญกับความผันผวนและไม่แน่นอนต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์ต่อจากนี้เธอจะให้ความสำคัญกับข้อมูลภาคธุรกิจและข้อมูลเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการใช้จ่ายผู้บริโภคควบคู่กับข้อมูลเงินเฟ้อ
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.5% ที่ระดับ 60.18 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.3% ที่ะรดับ 55.60 เหรียญ/บาร์เรล
ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
· CRUDE OIL TECHNICAL ANALYSIS
ราคาน้ำมัน WTI เริ่มชะลอการฟื้นตัวแถวแนวต้านของเส้นเทรนขาลงระยะยาวที่จำกัดการเคลื่อนไหวของราคามาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน เม.ย. หรือแถวระดับ 57.59 เหรียญ/บาร์เรล หากราคาสามารถผ่านแนวนี้ไปได้ จะมีโอกาสขึ้นไปถึงบริเวณ 60.04 – 60.84 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกัน หากราคาย่อตัวหลุดแนวรับที่ 52.96 เหรียญ/บาร์เรล จะมีโอกาสย่อตัวไปถึงระดับ 50 เหรียญ/บาร์เรล