· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นจากถ้อยแถลงของจีนที่สร้างความคาดหวังว่าจะเห็นการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้ากับทางสหรัฐฯ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +326.15 จุด หรือ +1.3% ที่ระดับ 26,362.25 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด +1.3% ที่ระดับ 2,924.58 จุด ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิด +1.5% ที่ระดับ 7,973.39 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้น ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตาความคืบหน้าของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ประกอบกับตลาดตอบรับถ้อยแถลงจากบรรดาสมาชิกอีซีบี โดยนาย แคลส คน็อต หนึ่งในสมาชิกอีซีบี กล่าวกับสำนักข่าว Bloomberg โดยระบุว่า ยังไม่มีเหตุผลสำหรับ QE ในการกลับมาใช้อีกครั้ง แม้ว่าเงินเฟ้อที่อ่อนตัวจะหนุนให้เกิดกระแสคาดการณ์ที่ว่าจะเห็นอีซีบีเดินหน้าอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนหน้า
แม้ว่าถ้อยแถลงของสมาชิกอีซีบีจะเป็นอุปสรรคต่อตลาดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ดัชนี Stoxx600 ปิดปรับตัวลงได้ ซึ่งในท้ายที่สุดปิด +1% จากหุ้นส่วนใหญ่ที่ยังเคลื่อนไหวในแดนบวกตอบรับท่าทีผ่อนลงของทางจีนในการจะหาทางเจรจาทางการค้า
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับขึ้นท่ามกลางถ้อยแถลงของจีนที่กล่าวย้ำถึงการจะไม่เดินหน้าตอบโต้การขึ้นภาษีรอบใหม่ของทางสหรัฐฯ โดยล่าสุดนิกเกอิเปิด +0.95% ทางด้าน Toipx เปิด +0.86% ขณะที่ S&P/ASX200 ปิด +0.69% และดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด +0.42%
กลุ่มนักลงทุนได้รับแรงหนุนจากปัจจัยที่จีนเผยถึงท่าทีทางการค้ารอบใหม่ ที่จีนดูจะย้ำว่าทั้งสองฝ่ายควรสร้างภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อความคืบหน้าในการเจรจา โดยจีนจะสกัดกั้นไม่ให้สงครามการค้ากับสหรัฐฯทวีความรุนแรงมากขึ้น และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าอย่างสงบ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.55-30.70 บาท/ดอลลาร์ โดยภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆ คาดว่าน่าจะรอความชัดเจนในประเด็นเดิมๆ โดยเฉพาะสงครามการค้า และกรณีที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
- รมว.คลังไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ "วิสัยทัศน์การนำประเทศไทยฝ่าวิกฤติทางเศรษฐกิจเพื่อให้ธุรกิจและการลงทุนในประเทศไม่สะดุด" ในงานสัมมนา "Battle Strategy แผนรบ สยบวิกฤติ Episode I : Do or Die ไม่ทำก็ตาย" ว่า ประเทศไทยจะไม่กลับไปสู่ยุควิกฤติเศรษฐกิจดังเช่นในปี 40 อย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันประเทศมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงภาคธุรกิจและสถาบันการเงินต่างๆ ที่มีความเข้มแข็ง จนส่งผลให้องค์กรต่างประเทศมีความเชื่อมั่นด้านเสถียรภาพการเงินการคลังของไทย
- รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ธปท. ได้ออกมาตรการในหลายส่วนเพื่อดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน และมีกระแสข่าวว่า ธปท. อาจมีมาตรการคุมภาระหนี้ต่อรายได้สูงสุด หรือ debt service ratio (DSR) limit เพิ่มเติมนั้น ขอชี้แจงว่า ปัจจุบัน ธปท. ยังไม่ได้มีแผนที่จะนำมาตรการนี้มาบังคับใช้ภายในปีนี้
- อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย 7 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 806,232.63 ล้านบาท ขยายตัว 1.67%
- อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 13 รายประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลงจากเดือนก่อน 12 ราย คิดเป็น 48% โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 5,212 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 282 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน