· ราคาทองคำปรับตัวลงคืนวันศุกร์โดยปิด -0.5% ที่ 1,520.4 เหรียญ ขณะที่ Gold Futures ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.5% ที่ระดับ 1,529.4 เหรียญ จากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร แต่ภาพรวมเดือนนี้ถือเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยปรับขึ้นกว่า 7.4% จากความกังวลต่อสภาวะภดถอยทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ดูจะผลักดันให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
· กองทุนทองคำ SPDR เทขายส่งท้ายเดือนเล็กน้อย 2.05 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 878.31 ตัน
· นักวิเคราะห์จาก Standard Chatered Bank กล่าวว่า ตลาดกำลังรอคอยข่าวของสงครามการค้า โดยตลาดทองมุ่งให้ความสนใจไปยังผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก และการเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก
· ในวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนยังคงมีการติดต่อพูดคุยกัน โดยเป็นข้อมูลล่าสุดหลังจากที่ในวันพฤหัสบดี รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน เผยว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการเจรจากันแบบตัวต่อตัวในเดือนก.ย. นี้ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญคือสหรัฐฯจะต้องยกเลิกการขึ้นภาษีจีน
· สัญญาณเชิงบวกของ Trade War ดูจะช่วยหนุนหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 1 สัปดาห์ และจำกัดการปรับขึ้นของราคาทองคำ
· นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า ราคาทองคำค่อนข้างปรับขึ้นแรง แม้จะมีการอ่อนตัวตามการตึงเครียดของสงครามการค้าอยู่บ้างก็ตาม และจะเห็นได้ว่า ภาวะตึงเครียดข งางครามการค้า ที่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกนั้นได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 100 เหรียญ ในเดือน ส.ค.
· ขณะที่ความผกผันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ระยะสั้นสูงกว่าระยะยาวก็เป็นหนึ่งในความกังวลของนักลงทุนเนื่องจากเป็นสัญญาณที่พยากรณ์ได้ว่าจะเกิดภาวะถดถอย
· เฟดและอีซีบี ณ ขณะนี้ถูกคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าจะเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นในการประชุมเดือนก.ย. นี้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของพวกเขา
· ราคาซิลเวอร์ปิด -0.2% ที่ระดับ 18.21 เหรียญ และเรียกได้ว่าเดือนส.ค. ที่ผ่านมาเป็นเดือนที่มีการปรับขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ มิ.ย. ปี 2016 โดยปรับขึ้นไปประมาณ 12%
ราคาแพลทินัมปิด +1.3% ที่ระดับ 928.05 เหรียญ หลังไปทำสูงสุดรอบเกือบ 16 เดือน ขณะที่ราคาพลาเดียมปิด +4.1% ที่ระดับ 1,535.45 เหรียญ