• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 2 กันยายน 2562

    2 กันยายน 2562 | SET News
 


· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ผ่อนคลายต่อสงครามการค้าลงบ้าง โดย ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 41.03 จุด หรือ +0.1% ที่ระดับ 26,403.28 จุด ในขณะที่ S&P500 ปิดทรงตัวแถว 2,926.46 จุด ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิด -0.1% ที่ 7,962.88 จุด


ภาพรวมหุ้นสหรัฐฯเดือนส.ค. ปิดย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่พ.ค. ที่ผ่านมา โดยดาวโจนส์ปิดเดือนนี้ที่ -1.7% ด้าน S&P500 ปิด -1.8% และ Nasdaq ปิด -2.6% อันเป็นผลจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่จุดประกายความกังวลของกลุ่มนักลงทุน


ดัชนี VIX ที่เป็นมาตรวัดความผันผวนของตลาด ปรับพุ่งแตะระดับสูงสุดในเดือนส.ค. ที่ 24.81 จุด ก่อนจะกลับลงมาแนว 18 จุด ท่ามกลางสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและซิลเวอร์ที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น โดยจะเห็นได้จาก SPDRเพิ่มการถือครองทองเดือนส.ค. ประมาณ 8% ในขณะที่ iShares Silver Trust เพิ่มการถือครองซิลเวอร์ 12.8%


· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวสูงขึ้นได้หลังจีนมีท่าทีเชิงบวกต่อการเจรจาสงครามการค่า ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านอังกฤษเตรียมแผนผลักดันฉุกเฉินในการอภิปรายเพื่อขจัดการออกจากอียูแบบ No-Deal

ดัชนี Stoxx600 ปิด +0.6% ขณะที่หุ้นกลุ่มทรัพยากรปิด +2.5%


ด้านหุ้นอิตาลีมีแนวโน้มไม่ค่อยสดใสนักตามสภาวะทางการเมืองรอบใหม่ หลังพรรค 5-Stars ของนายลุยจิ เผยว่าอาจจะเข้าร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน PD ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะลดความหวังที่จะเห็นรัฐบาลอิตาลีกลับมามีเสถียรภาพในเร็ววัน

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ท่ามกลางความคืบหน้าล่าสุดที่ว่าการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐฯและจีนมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวานนี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.35% ขณะที่ Topix เปิด -0.25% และหุ้น Softbank Group ของญี่ปุ่นเปิด -1.8%


ทางด้าน Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.22% ในขณะที่ S&P/ASX200 เปิดอ่อนตัวลงเช่นกัน รวมทั้ง MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นก็เปิด -0.11%


ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สหรัฐฯมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจีนเพิ่ม 1.12 ล้านเหรียญ ขณะที่จีนเริ่มตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสหรัฐฯบางส่วนที่วงเงิน 7.5 หมื่นล้านเหรียญ ขณะเดียวกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การเจรจากับจีนยังคงมีแผนที่จะเกิดขึ้นในเดือนก.ย.นี้

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ระหว่าง 30.55-30.65 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังกังวลเรื่องปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศหลายเรื่อง ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน, Brexit, การชุมนุมในฮ่องกง, ปัญหาการเมืองในประเทศอาร์เจนตินาและอิตาลี ขณะที่มีแรงซื้อดอลลาร์จากผู้นำเข้าน้อยลง

- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าทั่วโลก รวมทั้งไทยที่เป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก แต่ไทยมีจุดแข็ง คือ สินค้าส่งออกมีความหลากหลาย มีการกระจายสินค้าไปสู่ตลาดอื่นที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะตลาด CLMV และอินเดียที่การส่งออกมีการเติบโตสูงในหลายกลุ่มสินค้า และแม้ว่าสงครามการค้าทำให้การส่งออกสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของจีนลดลง แต่สินค้าไทยโดยเฉพาะสินค้าที่ทดแทนสินค้าจีนยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดสหรัฐฯทำให้ผลกระทบของสงครามการค้าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.5% ของการส่งออกทั้งหมดของไทยเท่านั้น

- รมว.คลังไทย กล่าวว่า ถึงแม้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในเดือน ก.ค.62 จะชะลอตัวลงตามสภาพเศรษฐกิจ แต่โดยรวมที่ผ่านมาการจัดเก็บยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค.62 ขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าโดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้นตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนและกึ่งคงทน แต่โดยรวมยังอยู่ในทิศทางที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ด้านการใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัวทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน

- สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 62 เหลือโต 2.8% จากเดิมที่ 3.3% เนื่องจากความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเริ่มเห็นผลกระทบต่อประเทศไทยแล้ว ซึ่งเป็นการลุกลามมาจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ ทำให้ภาคการลงทุนเอกชนมีแนวโน้มที่จะติดลบในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มติดลบต่อเนื่อง แต่ไม่รุนแรงเท่าครึ่งปีแรกของปีนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com