· ค่าเงินยูโรทรงตัวต่ำกว่าระดับ 1.1 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่สหรัฐฯและจีนมีการเดินหน้าขึ้นภาษีทางการค้าระหว่างกันในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และยิ่งเพิ่มความกังวลให้แก่แนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอาจกดดันต่อภาคส่งออกทางยุโรปด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้เป็นวันหยุดสหรัฐฯเนื่องในวันแรงงาน ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนยังคงไม่ได้ทำอะไรมากนักรอคอยท่าทีของนโยบายการเงินอีซีบีและเฟดที่น่าจะเปิเผยในเดือนนี้
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.1% ที่ระดับ 1.0977 ดอลลาร์/ยูโร ถือเป็นการร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1.1 ดอลลาร์/ยูโรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พ.ค. 2017 ด้านดัชนีดอลลาร์ทรงตังตัวบริเวณ 98.87 จุด
· รัฐบาลจีนยื่นเรื่องฟ้องร้องกรณีที่สหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้าจีนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) หลังจากสหรัฐฯขึ้นภาษีจีนอีก 15% และจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีน้ำมันของสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทางการจีนไม่ได้ให้รายละเอียดของการฟ้องร้องครั้งนี้ แต่ระบุว่าการขึ้นภาษีของสหรัฐฯได้สร้างผลกระทบให้กับการส่งออกของจีนเป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญ และเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศรับปากกันไว้ในการประชุม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นก่อนหน้านี้
· อดีตนักการทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีน แสดงความคิดเห็นต่อความขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯและจีน โดยกล่าวว่า ชาวจีนเป็นพวกรักชาติ และอาจมีการสนับสนุนให้เกิดการระงับข้อพิพาททางการค้ากับทางสหรัฐฯ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าชาวจีนเป็นชาติที่มีความอดทนมากๆในประวัติศาสตร์ และพวกเขาจะเดินหน้าสู้ต่อไปจนกว่าที่นายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเป็นฝ่ายเดินมาหาพวกเขา เนื่องจากจีนเองก็ตระหนักได้ว่าสหรัฐฯมีท่าทีที่อ่อนลง ประกอบกับสัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีนัก และเกษตรกรชาวอเมริกาก็ดูจะได้รับผลกระทบครั้งใหญ่จากการขึ้นภาษีทางการค้าระหว่างกัน
· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งสัญญาณถึงโอกาสที่จะทำข้อตกลงการออกจากอียูนั้นมีเพิ่มมากขึ้น และอังกฤษอาจไม่ต้องเลื่อนการออกจากอียูอีกครั้ง และถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นภายหลังจากที่มีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน พร้อมเรียกร้องให้สมาชิกไม่ทำการลงคะแนนเสียงการต่อต้านการออกจากอังกฤษแบบ No-Deal พร้อมระบุว่าจะเดินหน้าออกจากอียูในวันที่ 31 ต.ค. แม้ว่าจะมีข้อตกลงหรือไม่ก็ตาม
ประเด็นดังกล่าวได้กดดันให้เงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบดอลลาร์ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า นายจอห์นสัน อาจเรียกร้องให้เกิดการเลือกตั้งทั่วไป หากบรรดาส.ส. มีการลงคะแนนเสียงค้านการออจากอียูแบบ No-Deal ในสัปดาห์นี้ แต่ทั้งนี้ นายกฯอังกฤษก็ยังคงคาดหวังว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาการออกจากอียูได้โดยปราศจากการเลือกตั้งทั่วไป
· นายสตีเฟน บาร์เคลย์ รัฐมนตรีกระทรวง Brexit ของอังกฤษ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อยุโรปหลายฉบับว่า อียูควรเปิดกว้างอย่าง “สร้างสรรค์ และมีความยืดหยุ่น” ในการแก้ไขปัญหากรณีพรมแดนไอร์แลนด์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เจรจาระดับสูงของอียูต่างต้องการหลีกเลี่ยงการออกแบบ No-Deal ท่ามกลางการคัดค้านข้อเรียกร้องของอังกฤษในการให้ถอนข้อตกลง Backstop เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการเปิดพรมแดนระหว่างไอร์แลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ โดยปราศจากข้อตกลงใดๆ
· รายงานจาก The Washington Post ระบุว่า พรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯ กำลังเตรียมการจะเข้าตรวจสอบกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกฟ้องร้องว่ามีการใช้เงินเพื่อซื้อบริการจากหญิงสาวให้มีความสัมพันธ์กับเขา
· ข้อมูลเงินเฟ้อเกาหลีใต้เดือนส.ค.ร่วงลงทำ All-Time Low ท่ามกลางผลผลิตการเกษตรที่ดิ่งลงจากสภาพอากาศและอุปสงค์กลุ่มผู้บริโภคที่อ่อนแอ จึงทำให้เกิดกระแสคาดการณ์อย่างหนักว่าจะเห็นธนาคารกลางเกาหลีใต้เดินหน้าใช้นโยบายปรับลดดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในการประชุมเดือนหน้า
ธนาคารกลางเกาหลีใต้เหรือ BOK มีการปรับทบทวนการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 ลงสู่ระดับ 1% จาก 1.1% อันเป็นผลจากยอดส่งออกที่อ่อนแอ
ขณะที่ล่าสุดการอ่อนตัวของเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกดูจะสร้างความเสี่ยงเกี่ยวกับเงินฝืด แม้ว่าบรรดาผู้กำหนดนโยบายจะเชื่อว่าเงินเฟ้อจะกลับขึ้นสู่ระดับ 1% ได้ในเร็ววัน
· ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงหลังจากที่มีการขึ้นภาษีครั้งใหม่ระห่างสหรัฐฯและจีน จึงยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลให้แก่นักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก รวมทั้งอุปสงค์น้ำมัน
น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 64 เซนต์ ที่ 58.61 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 33 เซนต์ ที่ระดับ 54.77 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางกิจกรรมการที่ซื้อขายที่เบาบางในวันหยุดแรงงานสหรัฐฯ