· สัญญาอนุพันธ์ล่วงหน้าปรับตัวลดลงในวันนี้ ท่ามกลางการขึ้นภาษีระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ต่างฝ่ายต่างเดินหน้าขึ้นภาษีรอบใหม่ระหว่างกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ ฟิวเจอร์ส ปรับลง 234 จุด หลังจากที่ช่วงต้นตลาดเปิดร่วงไปกว่า 235 จุด ทางด้าน S&P500 และ Nasdaq ฟิวเจอร์สก็เปิดแดนลบเช่นกัน หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดในคืนเมื่อวานในช่วงวันหยุดแรงงาน
· นักวิเคราะห์จาก FXEMPIRE กล่าวว่า ดัชนี S&P500 เปิดอ่อนตัวลงในช่วงต้
นตลาดวานนี้อันเป็นผลตอบรั
บของตลาดจากกรณีการขึ้นภาษีสิ
นค้าของสหรัฐฯและจีน จึงคาดว่าประเด็นดังกล่าวจะส่
งผลลบมากกว่าเป็นผลบวกต่อตลาด โดยจะเห็นได้่าหากตลาดยังคงเผชิ
ญกับประเด็นเชิงลบมากกว่าบวก การทำสถานะShort ก็น่าจะดีเมื่อเห็นราคามีการดี
ดกลับ แต่หากดัชนีร่วงหลุดต่ำกว่า 2,850จุดลงมา ก็จะเป็นจังหวะดีที่ควรเริ่มต้
นเข้าซื้อ
· ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลง ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้
าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ค่าเงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่
าทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับกรณี Brexit ท่ามกลางความพยายามของ ส.ส. อังกฤษเพื่อกีดกันไม่ให้นายกรั
ฐมนตรีสามารถนำอังกฤษออกจากอียู
แบบ No-deal
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลงเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับลดลง 0.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นของอินเดียปรับลดลง 1% หลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจอินเดียเมื่อวันศุกร์ออกมาไม่สดใส
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวกท่
ามกลางค่าเงินเยนที่อ่อนค่าจึ
งหนุนหุ้นกลุ่มผู้ส่งออก แต่ปัจจัยเชิงลบอย่
างสงครามการค้าและ Brexit ยังกดดันภาพรวมของความเชื่อมั่
นของตลาด จึงไม่สามารถปรับสูงขึ้
นไปมากกว่านี้ โดยดัชนี Nikkei ปิด +0.18% ที่ระดับ 20,657.81 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดแดนลบเป็นวั
นแรกในรอบ 4 วันทำการ ท่ามกลางความกังวลของตลาดเกี่
ยวกับความไม่แน่นอนของกรณี Brexit และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-
จีนที่กดดันความเชื่อมั่นของนั
กลงทุน โดยดัชนี STOXX 600 เปิด -0.26%
อ้างอิงสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัว โดยช่วงเช้าได้แรงหนุนจากแรงเก็งกำไรในประเทศที่เข้ามาที่หุ้นในกลุ่มสื่อสารและกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังจากที่ช่วงนี้ตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน
- นายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าว่า บริษัทมีแผนการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้า ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิตรวม 6,000 เมกะวัตต์ (MW) ในประเทศเวียดนาม และพร้อมกับการต่อยอดไปสู่ธุรกิจซื้อขายก๊าซ LNG ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 63 ขณะเดียวกันยังได้เจรจากับพันธมิตรจีนเพื่อร่วมก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาว ขนาดกำลังการผลิต 2,500 เมกะวัตต์ เบื้องต้นบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 30-35% โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปของแผนลงทุนภายในปี 63
- ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ที่ระดับ 13 ล้านล้านบาทนั้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่อยู่ในระดับสูงเป็นประเด็นที่ ธปท. แสดงความกังวลอย่างต่อเนื่อง เพราะหนี้ที่สูงสะท้อนถึงความเปราะบางและการขาดภูมิคุ้มกันของภาคครัวเรือน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาครัวเรือนที่อ่อนไหวต่อปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ (income shock) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงการประเมินผลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกว่า 3 แสนล้านบาทว่า ต้องดูใน 2 ส่วน คือ ดูเป็นรายมาตรการว่ามีผู้เข้าร่วมเท่าใด อาทิ ท่องเที่ยวตั้งเป้าหมาย 10 ล้านคน ต้องดูว่าจะมาลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการเท่าไหร่ และมีการใช้เงินเพิ่มนอกเหนือจากที่รัฐบาลแจกให้ 1 พันบาทต่อคนเท่าใด หลังจากจบมาตรการเดือนพฤศจิกายน จะสามารถประเมินได้ทันที
- นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะนำผลการหารือกับคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กรณีการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ประเด็นการถวายสัตย์เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้พิจารณาว่าจะเป็นวันใด และจะเป็นการประชุมลับหรือไม่ ซึ่งเมื่อครม.ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว จะประสานไปยังสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นจะถือเป็นเอกสิทธิของ ส.ส.แต่ละคนด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ประเด็นการถวายสัตย์ฯ ว่า กรณีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรก้าวล่วง เพราะการอภิปรายไม่ว่าเป็นทางดีหรือไม่ดี ก็อาจเป็นการชี้นำศาลได้ แต่หากมีการอภิปรายเกิดขึ้น ผู้อภิปรายจะต้องรับผิดชอบต่อคำพูดด้วย