· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 1% หลังจากที่ข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯที่ออกมาอ่อนแอลง จุดความประกายความกังวลเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าและ Brexit ที่เป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์ปลอดภัย
· ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 0.83% ที่ระดับ 1,543.11 เหรียญ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีที่เคยทำไว้บริเวณ 1,554.56 เหรียญในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นทดสอบ 1,550 เหรียญ และทรงตัวแถว 1,548 เหรียญ ในส่วนของสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดปรับขึ้น 1.5% ที่ระดับ 1,552.4 เหรียญ
· เมื่อวานนี้กองทุนทองคำ SPDR เข้าซื้อทองคำต้อนรับเดือนก.ย.นี้กว่า 11.73 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ 890.04 ตัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ 25 พ.ย. ปี 2016 ส่งผลให้ภาพรวมปีนี้ SPDR มีการเข้าซื้อทองคำสุทธิ 102.37 ตัน โดยมีการเข้าซื้อต่อเนื่องติดต่อกัน 3 เดือน (มิ.ย. - ส.ค.)
· ราคาซิลเวอร์ปรับตัวขึ้นตามทองคำ โดยเมื่อวานนี้ซิลเวอร์ดีดขึ้นกว่า 3.3% แถว 19 เหรียญ โดยไปทำสูงสุดตั้งแต่ต.ค. ปี2016 ได้เป็นครั้งแรกที่ระดับ 19.07 เหรียญ
· ภาวะความกังวลครั้งใหม่ที่กลับสู่ตลาดอีกครั้งมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ดูจะลดความเชื่อมั่นในการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งจะเห็นได้จาก ISM เผยดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities ระบุว่า ข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอดูจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยอย่างเข้มงวดขึ้น ขณะที่หุ้นอ่อนตัวลง จึงช่วยหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับอานิสงส์จากปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Brexit, ปัญหาการเมืองอิตาลีและการประท้วงในฮ่องกง
· นักวิเคราะห์จาก RJO Futures ระบุว่า ในสภาวะ Trade War ดูเหมือนดอลลาร์จะตอบรับในฐานะ Safe-Haven ด้วย โดยจะเห็นได้จากการที่ดอลลาร์แข็งค่าท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ควบคู่ไปกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและซิลเวอร์ที่ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
· ขณะที่ค่าเงินยุโรปอย่างยูโรและปอนด์ต่างก็ดิ่งลง ท่ามกลางปัญหา Brexit และความไม่แน่นอนทางการเมืองอิตาลี โดยส.ส.อังกฤษเริ่มต้นความพยายามในการหยุดยั้ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในการจบ Brexit แบบ No-Deal
· ในส่วนของทางการจีนล่าสุดก็มีการยื่นฟ้องสหรัฐฯต่อ WTO เกี่ยวกับการที่สหรัฐฯทำการขึ้นภาษีสินค้าจีนล่าสุด
· นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas กล่าวว่า ทองคำค่อนข้างตอบรับกับโอกาสที่เฟดจะเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยด้วย ประกอบกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน ดูจะยังสนับสนุนให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำ ดังนั้น จึงคาดว่าราคาเฉลี่ยของทองคำปีนี้จะยืนได้เหนือ 1,600 เหรียญ โดยได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มเฟดผ่อนคลายทางการเงิน
· รายงาน Federal Fund Futures สะท้อนว่า บรรดาเทรดเดอร์มองโอกาส 91% ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้
· ราคาแพลทินัมปิด +2.5% ที่ระดับ 953.25 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด +0.1% ที่ระดับ 1,532.75 เหรียญ