· ค่าเงินสินทรัพย์เสี่ยงอย่างค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ และค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มีการประกาศความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในเดือนหน้า จึงทำให้เกิดการลดความต้องการถือครองค่าเงินสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง เยน
โดยค่าเงินออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, หยวน และเงินวอนของเกาหลีใต้ ตอบรับข่าวดีดังกล่าวทั้งหมด ในขณะที่เยนอ่อนค่าขึ้น 0.4% ที่ระดับ 106.75 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์
· นอกจากข่าวการกลับมาเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนแล้ว การที่รัฐสภาอังกฤษจะสามารถหลีกพ้น Brexit แบบ No-Deal ก็ดูจะสร้างผลเชิงบวกต่อค่าเงินปอนด์ รวมทั้งกรณีวิกฤตทางการเมืองฮ่องกงที่คลี่คลายลงไปบ้างก็ดูจะส่งผลบวกต่อการลงทุน และทำให้หุ้นเอเชีย รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวสูงขึ้น
· ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาณ์ปรับแข็งค่าขึ้นในรอบ 1 เดือนที่ 0.6825 ขณะที่ค่าเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์ทำแข็งค่ามากสุดรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 0.6377 และค่าเงินวอนพุ่งขึ้นแตะ 1198 วอน/ดอลลาร์
สำหรับดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ 98.492 จุด ทางด้านค่าเงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.2245 ดอลลาร์/ปอนด์ และเงินยูโรอยู่ที่ 1.1030 ดอลลาร์/ยูโรหลังแข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้
· รัฐบาลสหรัฐฯคาดหวังว่าจะเห็นแถลงการณ์จาก WTO ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อดูว่าสหรัฐฯจะสามารถขึ้นภาษีกับยุโรปได้ในระดับใด หลังจากสหรัฐฯเป็นฝ่ายชนะในการฟ้องร้องยุโรปจากกรณีการจ่ายเงินสนับสนุนให้กับบ Airbus บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของยุโรป
นักการทูตจาก WTO เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายยังสามารถหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อที่จะเลี่ยงการขึ้นภาษีไปได้ แต่ทางสหรัฐฯดูเหมือนจะต้องการเก็บค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสหรัฐฯ จากการที่ยุโรปมีการจ่ายเงินสนับสนุนบริษัท Airbus อย่างผิดกฏหมาย
· คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีเดือน ก.ค. ประกาศออกมาปรับตัวลดลง -2.7% มากกว่าคาดการณ์ที่ -1.5% ท่ามกลางอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ จึงยิ่งตอกย้ำว่าเศรษฐกิจเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวในไตรมาสที่ 3/2019
· นักวิเคราะห์จาก Daiwa Capital Markets มีมุมมองว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้สูญเสียอำนาจในการกุมบังเหียนของรัฐบาลอังกฤษไปจนหมดสิ้นภายในเวลาเพียง 2 วัน
กล่าวคือ การที่รัฐสภาลงมติสนับสนุนร่างนโยบายที่บังคับให้รัฐบาลเจรจากับทางอียูเพื่อขอขยายระยะเวลาของ Brexit ออกไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. หากไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนวันที่ 19 ต.ค.
ล่าสุด ทางสภาขุนนาง หรือสภาสูงของอังกฤษ ได้ออกมาประกาศว่าจะให้การสนับสนุนร่างนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ฝ่ายที่สนับสนุน No-deal Brexit หมดโอกาสกีดกันร่างนโยบายดังกล่าว ขณะที่ร่างนโยบายน่าจะเข้าสู่กระบวนการรับรองโดยราชวงศ์และมีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ภายในสัปดาห์หน้า ก่อนที่รัฐสภาจะพักการประชุมอีกครั้ง
· ผลสำรวจโดย Reuters คาดการณ์ว่า ภาคส่งออกของจีนในเดือน ส.ค. มีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยประมาณ 2% จากเดิมที่ 3.3% เนื่องจากการที่บรรดาผู้ส่งออกเร่งดำเนินการก่อนนโยบายภาษีของสหรัฐฯจะมีผลบังคับใช้
ขณะที่ยอดนำเข้าถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลงอีก 6% จากเดือนก่อนหน้าที่ชะลอลง 5.6% และอาจเป็นการชะลอตัวติดต่อกัน 4 เดือน ซึ่งน่าจะมีผลกระทบจากปริมาณอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าร่วมกับสหรัฐฯ
· นางแครี แลม ผู้นำรัฐบาลฮ่องกง กล่าวว่า การยกเลิกร่างกฏหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นเพียง “ก้าวแรก” ของการดำเนินการคลี่คลายเหตุความไม่สงบในเมืองฮ่องกงเท่านั้น หลังจากที่ผู้ชุมนุมยืนกรานว่ารัฐบาลยังไม่ได้ตอบสนองข้อเรียกร้องทั้งหมดของพวกเขา
· ราคาน้ำมันปรับลดลงจากรายงานปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นผิดคาด แม้จะมีแรงหนุนมาจากข่าวการกลับมาเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนก็ตาม โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.3% แถว 60.53 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคา WTI ปรับลดลง 0.4% แถว 56.01 เหรียญ/บาร์เรล