ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวในทิศทางอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางข้อมูลจาก ADP ที่สะท้อนว่า การจ้างงานภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดในเดือนส.ค. แตะระดับ 195,000 ตำแหน่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีการปรับทบทวนข้อมูลจ้างงานในเดือนก.ค. ลดลงมาที่ 142,000 ตำแหน่ง
ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.05% ที่ระดับ 98.40 จุด หลังจากไปทำระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ ในช่วงต้นตลาดที่บริเวณ 98.14 จุด
ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงท่ามกลางภาวะตึงเครียดทั่วโลกที่ส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้น จึงทำให้ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนกลับสู่ตลาด และลดความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยลง ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากความหวังที่ว่าอังกฤษจะสามารถออกจากอียูโดยหลีกเลี่ยง No-Deal ได้
ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.53% ที่ระดับ 106.975 เยน/ดอลลาร์ หลังไปทำอ่อนค่ามากสุดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ค.เมื่อวานนี้บริเวณ 107.235 เยน/ดอลลาร์ ในขณะที่ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.63% ที่ระดับ 1.233 ดอลลาร์/ปอนด์
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นหลังทางการจีนยืนยันถึงเรื่องที่สหรัฐฯและจีนจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งในเดือนหน้า โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาแตะ 1.562% และอัตราผลตอบแทน 30 ปี ปรับขึ้นที่ 2.055% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2% ปรับขึ้นมาที่ 1.47%
· CNBC เผยถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน ที่ระบุว่า สหรัฐฯและจีนมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ในช่วงเช้าวานนี้และเห็นพ้องกันที่จะจัดประชุมร่วมกันในการหาทางแก้ไขปัญหาทางการค้าในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้ ซึ่งถึงทั้ง 2 ประเทศจะมีการยืนยันการร่วมจัดประชุมกันแต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะมีการประชุมในเดือนต.ค. เมื่อใด
· ข้อมูลจากสำนักข่าวในประเทศจีนที่น่าเชื่อถือ ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนรอบที่กำลังจะเกิดขึ้น “จะมีความคืบหน้าครั้งสำคัญ”
แหล่งข่าวดังกล่าวมาจากทวีตข้อความของหัวหน้าบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ Global Times ซึ่งหน่วยงานย่อยของ People’s Daily สำนักข่าวที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลจีน
นอกจากนี้ ยังมีบล็อคที่ชื่อว่า Taoran Notes ซึ่งได้เก็บรวบรวมความคิดเห็นของบรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนทั่วประเทศจีน มีความคิดเห็นโดยสรุปว่า “มีความเป็นไปได้สูง ที่จะเห็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ จากการเจรจาการค้าที่จะเกิดขึ้นรอบถัดไป”
· เมื่อคืนนี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประสบความล้มเหลวในการเรียกสนับสนุนให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ภายในวันที่ 15 ต.ค. ขณะที่ร่างนโยบายของฝ่ายค้านซึ่งจะมากีดกันไม่ให้อังกฤษออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลงในวันที่ 31 ต.ค. ได้รับความเห็นชอบจากทั้งสภาล่างและสภาสูง ร่างนโยบายดังกล่าวจึงถูกคาดว่าจะได้ถูกนำเข้าถวายเพื่อขอพระบรมราชานุญาตกับทางสำนักพระราชวังภายในคืนวันศุกร์นี้
ทางด้านนายบอริส ยังคงยืนกรานว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เลื่อนระยะเวลา Brexit ออกไปอีกโดยเด็ดขาด เนื่องจากมองไม่เห็นถึงผลประโยชน์ที่จะได้จากการเลื่อนระยะเวลาออกไป
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นท่ามกลางการปรับลดลงของสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และการที่นักลงทุนความหวังว่าจะเห็นความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 16 เซนต์ หรือ +0.2% ที่ระดับ 60.86 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 4 เซนต์ หรือ +0.1% ที่ระดับ 56.30 เหรียญ/บาร์เรล
EIA เปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ควบคู่กับข้อมูลแก๊สโซลีนและการขุดเจาะน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯร่วงลง 4.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.5 ล้านบาร์เรล