· ราคาทองคำปรับตัวลดลงในรอบกว่า 2 สัปดาห์ และมีการหลุดระดับ 1,500 เหรียญซึ่งเป็นแนวรับสำคัญลงมาจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่กลายมาเป็นปัจจัยกดดันทองคำ
· เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันทำต่ำสุดตั้งแต่ 23 ส.ค.ที่ระดับ 1,497.3 เหรียญ ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ 1,503.56 เหรียญ ขณะที่เช้านี้ปรับตัวลงต่อหลุดระดับ 1,500 เหรียญอีกครั้ง
· ทางด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดปรับตัวลง 0.3% ที่ระดับ 1,511.1 เหรียญ
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ขายทองคำออก 7.33 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 882.42 ตัน
· หัวหน้านักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯได้ส่งผลให้เกิดแรงกดดันในทองคำ แม้ทองคำจะมีทิศทางเป็นขาขึ้น แต่ก็มีโอกาสจะเห็นแรงเทขายปิดทำกำไรบางส่วน และมีการทำ Short เพิ่มขึ้นมาบ้างในจังหวะที่ราคาปรับลงมาเวลานี้
อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกก็มีการฟื้นตัวจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า บรรดาธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
· บรรดาเทรดเดอร์ค่อนข้างมองโอกาสไว้ระดับสูงที่จะเห็นเฟดเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.นี้ ขณะที่อีซีบีคาดจะปรับลดดอกเบี้ยเช่นกันในช่วงปลายสัปดาห์นี้
· แต่ในทางกลับกัน บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ก็มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางต่างๆจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนทองคำได้
· นักวิเคราะห์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า การที่บรรดาทั่วโลกหันมาใช้นโยบายปรับลดดอกเบี้ยก็ดูจะเป็นปัจจัยบวกแก่ราคาทองคำ แต่ผลการดำเนินการดังกล่าวแค่ยังไม่เกิดขึ้นในเวลานี้
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจากรอยเตอร์ส วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำทางเทคนิคจะมีแนวรับที่ 1,497 เหรียญ ซึ่งหากหลุดลงมามีโอกาสเห็นราคากลับมาบริเวณ 1,453 เหรียญได้
· สำหรับราคาซิลเวอร์ปิด -0.5% ที่ระดับ 18.08 เหรียญ หลังจากที่ไปทำ Low รอบ 2 สัปดาห์ที่ 17.89 เหรียญ ในขณะที่ราคาพลาเดียมปิด +0.4% ที่ระดับ 1,542.95 เหรียญ หลังทำต่ำสุดที่ 1,562.27 เหรียญ และราคาแพลทินัมปิดทรงตังที่ 949.81 เหรียญ