• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 11 กันยายน 2562

    11 กันยายน 2562 | SET News
 

· ดัชนี S&P500 ปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ท่ามกลางหุ้นกลุ่มพลังงานและภาคอุตสาหกรรมที่ถึงแม้จะปรับตัวสูงขึ้น แต่หุ้นกลุ่มพลังงานและ Real Estate กลับปรับตัวลง

โดย S&P500 ปิด +0.03% ที่ 2,979.39 จุด ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 73.92 จุด หรือ +0.28% ที่ระดับ 26,909.43 จุด และ Nasdaq ปิด -0.04% ที่ระดับ 8,084.16 จุด

กลุ่มนักลงทุนคาดจะเห็นเฟดและอีซีบีเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในจังหวะที่เศรษฐกิจโลกอ่อนแอ ประกอบกับตลาดยังตอบรับข่าวดี หลังรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเยอรมนี บ่งชี้ว่า กำลังเตรียมมาตรการเศรษฐกิจหากมีความเป็นไปได้ที่จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวรอคอยผลประชุมอีซีบีที่ถูกคาดว่าจะมีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.07% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มเทคโนลยีที่ -1.1% ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันและแก๊สปิด +2.1%

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวสูงขึ้นแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็ตาม โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.27% ในขณะที่ Topix เปิด +0.44% ทางด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.7% และ S&P/ASX200 ปิด +0.22%

สำหรับดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด +0.12%

กลุ่มนักลงทุนกำลังรอคอยความคืบหน้าของการเจรจาสหรัฐฯ-จีน หลังจากที่รายงานจาก Southe China Morning Post ระบุว่า จีนมีข้อเสนอที่จะเพิ่มการเข้าซื้อสินค้าเกษตรมากขึ้นเพื่อบรรเทาการขึ้นภาษีและการแบนอุปทานจากข้อจำกัดของบริษัท Huawei Technologies ในขณะนี้

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.60-30.70 บาท/ดอลลาร์ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งตลาดคาดหวังว่าน่าจะมีมติสำคัญๆ เช่น ลดดอกเบี้ย และน่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนพอสมควร

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไทย (ครม.) มีมติอนุมัติให้ขยายเวลาการใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี จากที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.62 ตามการเสนอของกระทรวงการคลัง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะกลับไปใช้อัตราเดิมที่ 10% โดยจะประเมินภาวะเศรษฐกิจในลักษณะปีต่อปีไปก่อน เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจได้อย่างถูกต้อง

ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม.รับทราบการแก้เงื่อนไขมาตรการ "ชิม ช็อป ใช้" ซึ่งเป็น 1 ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางส่วนเพื่อให้ร้านค้าเข้าร่วมในมาตรการได้มากขึ้นตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

- โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไทย แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เป็นข่าวดีที่ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมามากที่สุด ถือเป็น Top Destination ซึ่งคาดว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะได้ตามเป้า คือ 40ล้านคน

- นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย ,อดีต รมว.คลัง และอดีตประธานธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ แต่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลตระหนัก คือการดูแลเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อประคับประคองไม่ให้ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com