· ดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวลงเล็กน้อยในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางหุ้นบริษัท Apple ที่ปรับตัวลง ในขณะที่ภาวะตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีนผ่อนคลายลง โดยดัชนี S&P500 ปิด -0.07% ที่ 3,007.39 จุด ขณะที่ดาวโจนส์ปิด +37.07 จุด หรือ +0.14% ที่ 27,219.52 จุด และ Nasdaq ปิดร่วง -0.22% ที่ระดับ 8,176.71 จุด
ภาพรวมตลาดสหรัฐฯรอคอยการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ที่ถูกคาดจะเห็นการลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25%
· สัญญาหุ้นอนุพันธ์สหรัฐฯเปิดร่วงลงเมื่อวานนี้ท่ามกลางความกังวลต่อการเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคาน้ำมันจากเหตุซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงได้
โดยดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ปรับลงไปกว่า 108 จุด และคาดว่าจะเห็นร่วงลงต่อในวันนี้อีกกว่า 112 จุดในช่วงเปิดตลาด ทางด้าน S&P500 และ Nasdaq ฟิวเจอร์ก็ปรับตัวลงเช่นกัน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 9 วันที่ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลงหลังจากที่ปรับขึ้นไปเกือบ 1% ในวันศุกร์
· หุ้นยุโรปปิดปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่อีซีบีเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมวาระที่ผ่านมา เราจึงเห็นดัชนี Stoxx600 ปิด +0.4% ขณะที่หุ้นธนาคารและหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 2.8% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มอาหารและพลังงานที่ปิดปรับตัวลง 1.9%
· หุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงในวันนี้จากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นหลังมีโดรนโจมตีแห่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของซาอุดิอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนี S&P/ASX200 เปิด -0.16% ทางด้าน Kospi ของเกาหลีใต้เปิดทรงตัว และดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดญี่ปุ่นเปิดทรงตัว
สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันหยุดประจำชาติ
อย่างไรก็ดี ตลาดก็ยังรอคอยการประกาศข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนในเช้าวันนี้ประมาณ 09.00น. ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลขสำคัญที่บ่งชี้ถึงผลสะท้อนจากภาวะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าข้อมูลดังกล่าวจะออกมาร่วงลงทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 17 ปี ในเดือนก.ค.
· ท่ามกลางภาวะสงครามการค้าที่กดดันตลาดหุ้น บรรดานักลงทุนกำลังคาดหวังว่าตลาดหุ้นจะได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ เพื่อช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตต่อได้ โดยที่ตลาดคาดหวังว่าจะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 หลังจากการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังจับตาดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นในช่วงเปิดตลาดคืนนี้ ตามหลังเหตุการโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดิอาระเบียที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 15% เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และอาจเป็นปัจจัยที่ดึงดูดความสนใจของตลาดออกจากการประชุมเฟด
· นักบริหารการเงิน คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า จับตาการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการประชุมกนง.ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ที่อาจมีสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งหากทางการไทยปรับลดดอกเบี้ยจริงจะเป็นการสร้างเซอร์ไพร์สแก่ตลาด และอาจเห็นเงินบาทกลับมาอ่อนค่าได้เล็กน้อย สำหรับวันนี้คาดเงินบาทจะเคลื่อนไหวระหว่าง 30.30 – 30.60 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- รมว.คลังไทย มอบนโยบายสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สนบ.) กำชับติดตามสถานการณ์ความผันผวนเศรษฐกิจและการเงินโลกใกล้ชิด ย้ำต้องรักษากรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มงวด เหตุในระยะยาวไทยต้องจำเป็นใช้เงินลงทุนสูงเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ แนะมองหาแหล่งเงินกู้ในประเทศเป็นหลักเพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าพบรมว.คลัง ยื่น 7 ข้อเสนอของภาคเอกชนผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ การส่งเสริมการท่องเที่ยว, การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ, เร่งออกกฎระเบียบตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, การอำนวยความสะดวกการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี, สนับสนุนงบรปะมาณป้องกันการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง, แก้ปัญหาการจัดเก็บภาษีและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค และการส่งเสริมการค้าชายแดน-ข้ามแดน