· หุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงแม้ว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ตอบรับเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย แต่ภาพรวมนักลงทุนกลับกังวลต่อเหตุความเสี่ยงทางการเมืองและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.52% ที่ระดับ 27,076.82 จุด ขณะที่ Nasdaq ปิด -0.31% ที่ 2,997.96 จุด และ Nasdaq ปิด -0.28% ที่ระดับ 8ล153.54 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับความตึงเครียดต่อเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง โดยดัชนี Stoxx600 ปิดปรับลงประมาณ 0.4% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มภาคครัวเรือนที่ปรับตัวลงไปกว่า 1% ทางด้านหุ้นกลุ่มน้ำมันและแก๊สปรับขึ้นกว่า 3% จากเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาระเบีย
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนลบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดแดนลบเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางแรงกดดันความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น หลังเหตุโจมตีในซาอุดิอาระเบียที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกว่า 14% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มน้ำมันและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น แต่ในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆต่างปรับลดลง
โดยดัชนี Nikkei เปิดในแดนลบเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Topix เปิด +0.13% ส่วนดัชนี Kospi เปิด -0.11%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทพวันนี้ อยู่ระหว่าง 30.45-30.55 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมเฟด วันที่ 17-18 ก.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ช่วง 1.75-2.00% ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของอีซีบี ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ และอาจเพิ่มแรงกดดันต่อเฟดได้บ้าง
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์จากเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ช่วงนี้ดูจะเงียบๆ ไป
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เฟดจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% จากระดับ 2.00-2.25% ไปสู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 17-18 ก.ย.นี้
- รมว.พลังงานไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงกรณีเหตุโจมตีโรงงานสองแห่งในพื้นที่ผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จนทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน และในวันนี้ (17 ก.ย.) จะนัดประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นวาระพิเศษเพื่อร่วมหารือมาตรการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อค่าครองชีพของประชาชนต่อไป
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์โจมตีโรงงานสองแห่งในพื้นที่ผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ส่งผลกระทบให้การผลิตน้ำมันและก๊าซลดลงครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิต หรือประมาณ 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลกนั้น ยังเชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าคาดการณ์เดิมเล็กน้อยเพียง 0.01% และทั้งปียังอยู่ที่ 0.7-1.3%