MTS Help Center

· ราคาทองคำปรับขึ้นจากมุมมองที่จะเห็นเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้ แต่บรรดาเทรดเดอร์ก็มีการซื้อขายในกรอบแคบๆเพียงเท่านั้น เนื่องจากจะรอดูความชัดเจนต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯมากกว่านี้


· ราคาทองคำปรับขึ้นประมาณ 0.5% ที่ระดับ 1,505.07 เหรียญ ในขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.1% ที่ระดับ 1,513.4 เหรียญ


· กองทุนทองคำ SPDR กลับเข้าซื้อทองคำเพิ่ม 5.86 ตัน ปัจจุบันเพิ่มการถือครองมาที่ระดับ 880.37 ตัน


· หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า ภาพรวมกลุ่มนักลงทุนมีการปรับพอร์ตรอประชุมเฟด โดยเฟดถูกคาดว่าจะประกาศการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในคืนนี้ หลังจากที่เดือนก.ค. หั่นดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อปี 2008 และหากเฟดเลือกปรับลดดอกเบี้ยจริง จะกลายเป็นปัจจัยกดดันให้บีโอเจต้องเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินตามในการประชุมวันพรุ่งนี้ต่อ



ทั้งนี้ หากเฟดเลือกที่จะไม่ทำการปรับลดดอกเบี้ยจริง ก็อาจเห็นราคาทองคำกลับลงมาได้ แต่หากเฟดลดและสร้างเซอร์ไพร์สให้แก่ตลาดด้วยการลดดอกเบี้ยลงมากถึง 0.5% แทนที่จะลด 0.25% ก็มีโอกาสเห็นทองคำปรับตัวขึ้นต่อ


· นักวิเคราะห์บางรายกำลังจับตาไปที่เรื่องการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ของอิหร่าน ที่ทำให้วันจันทร์ทองคำดีดขึ้นมาได้กว่า 1% เนื่องจากมีความกังวลต่อเสถียรภาพในตะวันออกกลาง ที่ดูจะทำให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯนำมาสร้างแรงกดดันให้เฟดยิ่งต้องลดดอกเบี้ย แต่ก็ดูเหมือนว่าประเด็นดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดมากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องดังกล่าวสร้างความกังวลให้แก่ตลาดการเงินทั่วโลก


· รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นก็มีการปรับอ่อนตัวลงก่อนการประชุมเฟดและการเจรจารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯและจีนในวันพรุ่งนี้


· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ถ้อยแถลงของเฟดจะสร้างความชัดเจนให้แก่นักลงทุนว่ามีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินต่อไป รวมทั้งจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องหรือไม่ ในขณะที่ภาพรวมทองคำปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 19% หรือกว่า 200 เหรียญ นับตั้งแต่ที่ลงไปทำต่ำสุดของปี 2019 ที่บริเวณ 1,265.85 เหรียญในช่วงเดือนพ.ค. โดยได้รับแรงหนุนหลักจากท่าทีของบรรดาธนาคารกลางที่ต้องการผ่อนคลายทางการเงิน ประกอบกับความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีน ตลอดจนความตึงเครียดในตะวันออกกลาง



ดังนั้น ทองคำจึงยังมีทิศทางเป็นขาขึ้น และยังไม่มีสัญญาณอันตรายใดๆที่จะส่งผลลบต่อตลาดทองในเวลานี้


· รายงานจากสภาทองคำโลก (WGC) เผยว่า รัสเซียมีการเข้าสำรองทองคำเพิ่มสู่ระดับ 2,219.2 ตัน ขณะที่จีนมีการสำรองทองคำเพิ่มที่ 1,936.5 ตัน



นักวิเคราะห์จาก GoldCore ระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวของธนาคารกลางมาจากความกังวลต่อแนวโมของค่าเงิน อาทิ ดอลลาร์และค่าเงินยูโร ในขณะที่อุปสงค์ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารกลางดูจะใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ถูกสำรองเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินตราต่างประเทศ ประกอบกับสถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆจาก Trade War ที่เข้าคุกคามและอาจก่อให้เกิด Currency War จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางเลือกสำรองทองคำ



อย่างไรก็ดี ผู้อำนวยการด้านการลงทุนจาก WGC ระบุว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 ธนาคารกลางมีการเพิ่มการถือครองทองคำเป็นประวัติการณ์ โดยมีการเข้าซื้อทองคำเพิ่ม 374 ตันตลอดจนถึงเดือนมิ.ย. และทำให้ช่วงครึ่งปีแรกมีการเข้าซื้อมากสุดของบรรดาธนาคารกลางตั้งแต่ปี 2010 แต่ปริมาณการเข้าซื้อสุทธิของปีนี้ก็ยังต่ำกว่าของปีที่แล้ว ขณะเดียวกันก็ยังมีสัญญาณว่าจะเห็นการเข้าซื้อของบรรดาธนาคารกลางต่างๆอย่างต่อเนื่องในปีนี้


· ราคาซิลเวอร์ปิด +1.2% ที่ระดับ 18.06 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปิด +0.6% ที่ระดับ 942.08 เหรียญ และราคาพลาเดียมยังคงทรงตัวที่ 1,605.1 เหรียญ หลังจากที่ไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,626.81 เหรียญในวันก่อนหน้า