· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อวานนี้ท่ามกลางการซื้อขายในกรอบ จับตาประชุมเฟดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ โดยดัชนีดอลลาร์ขยับลง 0.3% ที่ 98.27 จุด
แม้ว่าจะมีคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% แต่นักวิเคราะห์บางคนก็คาดว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เฟดจะทำการปรับลดดอกเบี้ย เนื่องจากยังขาดหลักฐานที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นมีการชะลอตัว ขณะที่ตลาดการเงินโดยภาพรวมยังเชื่อว่ามีโอกาส 80% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีนี้อยู่
นักกลยุทธ์จาก Brown Brothers Harriman กล่าวว่า หากเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เฟดจะเลือกลดดอกเบี้ย เนื่องจากต้องรอดูและเห็นสัญญาณที่แท้จริงของภาวะถดถอยเกิดขึ้นก่อน
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.6% ที่ระดับ 1.1065 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีออกมาสดใส
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ทีมบริหารของเขาอาจมีการทำข้อตกลงกับทางจีนได้ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรืออาจจัดการข้อตกลงได้หลังจากการโหวตเลือกตั้ง ซึ่งถ้อยแถลงของเขาเป็นการกล่าวอ้างถึงการที่จีนเองก็มีมุมมองว่าเขาจะได้รับชัยชนะในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้อีกครั้ง และอาจบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้
· หน่วยงานตัวแทนเจรจาการค้าสหรัฐฯ (USTR) เผยว่า การเจรจาระดับ Deputy-Level ระหว่างสหรัฐฯและจีนมีกำหนดการที่จะเริ่มต้นที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การเจรจาระดับ High-Level ในช่วงเดือนต.ค. เพื่อแก้ไขปัญหา Trade War ที่มีมาอย่างยาวนาน 14 เดือน
อย่างไรก็ดี USTR ก็ยังไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาที่จะเกิดขึ้นนัดล่าสุดนี้
· นางแนนซี เพโลซี โฆษกประจำรัฐสภาสหรัฐฯ เห็นด้วยกับการกดดันทางการค้ากับจีนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ไม่แน่ใจว่านายทรัมป์กำลังเลือกใช้วิธีที่ถูกต้องหรือไม่ และสนับสนุนให้สหรัฐฯปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันกับคู่ค้ารายอื่นๆ อย่างเช่น ยุโรป เป็นต้น
นอกจากนี้ นางแนนซียังแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า ไม่ว่านายทรัมป์จะเลือกใช้หนทางใดในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้า ควรแน่ใจเสียก่อนว่าจะไม่เป็นการกดดันเกษตรกรหรือผู้บริโภคของสหรัฐฯเสียเอง
· ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบัน Blackstone ได้รับรายงานที่ว่า ทางจีนกำลังเร่งดำเนินการกำจัดการส่งออกสารเสพติดในกลุ่มเฟนทานิล (Fentanyl) และสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
โดยเฟนทานิลเป็นสารเสพติดในกลุ่มโอปิออยด์ (Opioid) ที่มีฤทธิ์รุนแรงกว่าเฮโรอีน และเคยเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤติยาเสพติดในสหรัฐฯ ขณะที่ทางกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ได้ประกาศให้เฟนทานิลเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ทางการสหรัฐฯเชื่อว่าการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันสำคัญของซาอุดิอาระเบียที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายสัปดาห์มีแหล่งที่มาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่าน และการประเมินสถานการณ์ดังกล่าวดูจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดให้แก่ตะวันออกกลาง
· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งข้อความให้กับเจ้าชายมูฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ว่าควรมีความร่วมมือจากนานาประเทศในการร่วมกันตอบสนองต่อเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาระเบียเมื่อสุดสัปดาห์
· ราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 6% หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า จะสามารถใช้เวลาน้อยกว่าคาดในการฟื้นกำลังการผลิตน้ำมัน หลังแหล่งผลิตน้ำมันถูกโจมตีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในช่วงแถลงการณ์ระบุถึงการจะกลับมาผลิตน้ำมันส่วนที่ขาดไป 5.7 ล้านบาร์เรล/วันได้อีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนก.ย.
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 4.47 เหรียญ หรือ -6.5% ที่ระดับ 64.55 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 3.56 เหรียญ หรือ -5.7% ที่ระดับ 59.34 เหรียญ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี ระหว่างแถลงการณ์ดังกล่าว น้ำมันดิบ Brent ดิ่งหนักกว่า 7%
· รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแห่งซาอุดิอาระเบีย ยืนยันว่าการผลิตน้ำมันของประเทศจะกลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่ภายในสิ้นเดือน ก.ย. ขณะที่ปริมาณการส่งออกน้ำมันจะไม่ลดต่ำกว่าปริมาณที่ตลาดต้องการ โดยจะนำน้ำมันออกจากสต็อกเพื่อมาช่วยเสริมการส่งออก
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า ทางรัสเซียกำลังมีการซ้อมรบครั้งใหญ่ร่วมกับจีน อินเดีย และปากีสถาน โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่ารัสเซียอาจกำลังส่งข้อความบางอย่างให้กับชาติฝั่งตะวันตก
การซ้อมรบของรัสเซียมักจะจัดขึ้นในทุกๆปี แต่ในปีนี้รัสเซียได้เพิ่มความเข้มข้นของการซ้อมรบ โดยการเชิญกองทัพจีน อินเดีย และปากีสถาน (รวมถึง คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และอุซเบกิสถาน) เข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์รัสเซียและยูเรเชียแห่งสถาบัน Chatham House มีมุมมองว่า นี้เป็นการส่งข้อความต่อต้านอเมริกันและชาติฝั่งตะวันตก ด้วยการแสดงให้เห็นว่า รัสเซียไม่ได้ถูกแบ่งแยก และสามารถร่วมมือกับผู้ที่อาจเป็นปรปักษ์ต่อฝั่งตะวันตกหรือรัสเซียในอนาคตอย่างประเทศจีนได้