· ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวแดนลบ หลังจากเฟดส่งสัญญาณเกี่ยวกั
บการปรับลดดอกเบี้ยครั้งต่
อไปเพียงเล็กน้อยในการประชุมเมื่
อคืนนี้ รวมถึงบีโอเจที่ไม่ได้มี
การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่
มเติมหลังการประชุมวันนี้ตามที่
หลายๆฝ่ายคาดหวัง โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรั
บลดลง 0.6%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นปิดระดับสูงสุดในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นชั้นที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 1.34% ที่ระดับ 22,255.56 จุด หลังจากปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบปีที่บริเวณ 22,362 จุดเมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 1.24% ที่ระดับ 1,626.52 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปิดแดนบวก ท่ามกลางความหวังของตลาดว่าจะเห็นธนาคารกลางจีนปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ตามเฟดที่ประกาศลดดอกเบี้ยเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยดัชนี blue-chip CSI300 ปิด +0.4% ที่ระดับ 3,924.38 จุด ส่วนดัชนี Shanghai Composite ปิด +0.5% ที่ระดับ 2,999.28 จุด
บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่า การที่เฟดและอีซีบีประกาศลดอัตราดอกเบี้ย จะช่วยให้ธนาคารกลางจีนสามารถผ่อนคลายนโยบายลงตามได้ง่ายยิ่งขึ้น
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับขึ้นกว่า 1.1% หลังเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ไม่มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยดัชนี STOXX 600 เปิด +0.2% โดยหุ้นธนาคารตัวใหญ่อย่าง Milan และ Madrid มีการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่ง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์
ไทย
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา เผยยอดผลิตรถยนต์เดือน ส.ค.62 อยู่ที่ 1.66 แสนคัน ลดลง 8.21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนยอดส่งออก อยู่ที่ 81,549 คัน ลดลง 20.45% เหตุเศรษฐกิจโลกทรุดตามสงครามการค้า ด้านยอดขายในประเทศวูบ 6.9% หลังสถาบันการเงินคุมเข้มสินเชื่อ
- บล.ทรีนีตี้ ได้ปรับประมาณการณ์เป้าหมายอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2019 ใหม่ เหตุผลหลักมาจากปัญหาสงครามการค้าที่ยังคงไม่ได้ข้อสรุป และมีความยืดเยื้อมาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งส่งผลไปถึงสภาวะเศษรฐกิจโลกที่มีสัญญาณชะลอตัวชัดเจน ทำให้ความต้องการรถใหม่จากประเทศคู่ค้าลดลงอย่างมาก ดังนี้
1. ยอดขายในประเทศเดิมคาดที่ 1.02 ล้านคัน (-2.1%) เป็น 1.03 ล้านคัน (-1.1%)
2. ยอดส่งออกเดิมคาดที่ 1.11 ล้านคัน (-2.7%) เป็น 1.07 ล้านคัน (-6.2%)
3. ยอดขายรถยนต์รวมเดิมคาดที่ 2.13 ล้านคัน (-2.4%) เป็น 2.1 ล้านคัน (-3.8%)
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายอุตตม กล่าวว่า กรมสรรพสามิตยังมีแนวคิดในการเปิดพิกัดอัตราภาษีใหม่ เพื่อจัดเก็บภาษีจากเครื่องดื่มที่มีนวัตกรรม เช่น น้ำเปล่าที่มีการเติมวิตามิน ไม่มีความซ่า มีคุณสมบัติที่เสริมประโยชน์ให้ร่างกาย หรือน้ำผลไม้ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เพราะต้องการส่งเสริมนวัตกรรม โดยอัตราการจัดเก็บจะถูกกว่าอัตราภาษีเครื่องดื่มทั่วไป ที่ปัจจุบันจัดเก็บตามมูลค่าอยู่ที่ 14% บวกด้วยภาษีจากความหวาน
สำหรับการพิจารณาขยายระยะเวลาการขึ้นภาษียาสูบจาก 20% เป็น 40% ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 1 ต.ค.63 นั้น ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยขณะนี้กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม ส่วนการเปิดพิกัดเพื่อจัดเก็บภาษีจากกัญชา ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ซึ่งยังไม่มีการเสนอเข้ามา และมองว่ายังเร็วเกินไป
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า การตั้งกองทุนส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมรถยนต์อีวี มีความจำเป็นอย่างมาก แม้ว่ารถยนต์อีวีจะมีประโยชน์ และมีแนวโน้มที่จะมีการใช้เพิ่มขึ้นมากในอนาคต แต่ก็มีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ที่เมื่อหมดอายุแล้ว จึงต้องมีหน่วยงานขึ้นมาบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องเร่งดำเนินการในทันที เพราะหากทำในอนาคตจะไม่ทันต่อสถานการณ์ และจะเก็บย้อนหลังกับรถยนต์อีวีที่นำเข้ามาแล้วไม่ได้
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิตพิจารณาถึงความเหมาะสมในการจัดเก็บอัตราภาษียาสูบ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ต้องไม่ให้ขัดกับข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) ด้วย เพราะ WTO กำลังจับตามองประเทศไทยอยู่ ดังนั้นการพิจารณาในส่วนนี้จึงต้องคำนึงถึงรายละเอียดอย่างรอบคอบ
- นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ภาพรวมการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต ในรอบ 11 เดือนของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61-ส.ค.62) อยู่ที่ 5.84 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 2.1 ล้านบาท หรือ 0.0004% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.95 พันล้านบาท หรือ 0.68% โดยการเก็บภาษีน้ำมัน และยาสูบยังต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่การจัดเก็บภาษีรถยนต์ เบียร์ และสุรา เก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย