· ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นหลังการประชุมบีโอเจที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อย แม้เฟดจะมีการส่งสัญญาณที่ผสมผสานกันเกี่ยวกับทิศทางการผ่อนคลานนโยบายในอนาคต
โดยค่าเงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ทำระดับต่ำสุดที่ 107.79 เยน/ดอลลาร์ ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นเคลื่อนไหวแถว 108.06 เยน/ดอลลาร์
ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า 0.1% แถว 98.481จุด โดยไม่สามารถแข็งค่าขึ้นได้แม้เฟดจะมีท่าทีคุมเข้มทากงารเงินมากกว่าที่คาดหลังการประชุมเมื่อคืน
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโรอ่อนค่า 0.1% แถว 1.1037 ดอลลาร์/ยูโร
· บรรดานักวิเคราะห์มีมุมมองว่า ค่าเงินดอลลาร์ยังคงทิศทางแข็งค่าได้อย่างแข็งแกร่ง แม้โอกาสที่ลดดอกเบี้ยของเฟดในอนาคตจะซบเซาลงไปก็ตาม โดยนักวิเคราะห์จาก BNY Mellon ประเมินว่า ระยะสั้นน่าจะมีแรงเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างแข็งแกร่ง เนื่องจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดเมื่อคืน ตลาดมองว่าเป็นการลดดอกเบี้ยเพื่อเป็นหลักประกันว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อไปได้ รวมถึงการที่มุมมองเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยของเฟดเองมีความแตกต่างค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับมุมมองของตลาด
· ค่าเงินปอนด์ทรงตัวแถว 1.2468 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยตลาดกำลังจับตาการประชุมของบีโออีในคืนนี้
· การประชุมธนาคารกลางอังกฤษหรือบีโออีคืนนี้ ถูกคาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ว่าจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.75% เนื่องจากประเด็น Brexit ยังคงบดบังทิศทางในอนาคตของเศรษฐกิจ
นับตั้งแต่ที่ดัชนี CPI ของอังกฤษปรับลดลงจากระดับ 2% และย่อตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีก่อน ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็น Brexit ที่กดดันความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ แต่ทางบีโออีก็ยังไม่ด่วนตัดสินใจประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่า ผลลัพธ์ของการออกจากอียูจะส่งผลกระทบเช่นไรต่อเศรษฐกิจอังกฤษ ทางบีโออีจึงตัดสินใจใช้ท่าทีระมัดระวังต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินมาโดยตลอด
· การเจรจาการค้าในระดับรองรัฐมนตรีตัวแทนจากสหรัฐฯและจีน จะเริ่มต้นภายในวันนี้ ณ กรุงวอชิงตัน ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการเจรจาร่วมกันโดยตรงครั้งแรกในรอบ 2 เดือน นับตั้งแต่ที่การเจรจาของทั้งสองฝ่ายหยุดชะงักลง โดยเป้าหมายของการเจรจาในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ คือการวางรากฐานสำหรับการเจรจาในระดับสูงที่จะตามมาในช่วงต้นเดือน ต.ค. ซึ่งอาจตัดสินได้ว่าทั้งสองประเทศจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกัน หรือจะเดินหน้าขึ้นภาษีตอบโต้กันต่อ
· ประธานและ CEO สถาบันเพื่อการลงทุน Barings มีความเห็นว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ผลกระทบของมันจะอยู่ในระดับ “ตื้นๆ” เท่านั้น เมื่อพิจารณาจากภาวะในปัจจุบันของเศรษฐกิจ โดยถึงแม้ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆในสหรัฐฯจะเริ่มชะลอตัว แต่ความแข็งแกร่งของภาคการบริโภคและอุตสาหกรรมเทคโนโลยี จะสามารถช่วยบรรดาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้
แต่ในปัจจุบัน เศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่มีความเสี่ยงจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแต่อย่างใด เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯยังเติบโตได้อยู่ ขณะที่ตลาดแรงงานเองก็หนาแน่น
· นางซาราห์ บลูม ราสกิน อดีตรองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และอดีตผู้ว่าเฟดในสมัยรัฐบาลโอบามาเมื่อปี 2010 – 2014 มีความเห็นความว่า สิ่งที่กำลังกดดันความเชื่อมั่นและการเติบโตของเศรษฐกิจไม่ใช่การขึ้นภาษี แต่เป็นความไม่แน่นอนของสงครามการค้า เพราะไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าผลสุดท้ายสงครามการค้าจะลงเอยเช่นไร
· รายงานจาก World Bank และรัฐบาลจีน ระบุว่า ท่ามกลางการชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศจีน ภาครัฐจำเป็นต้องกระตุ้นอัตราการผลิตภายในประเทศ แต่ภาครัฐก็ไม่สามารถดำเนินเช่นนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่ผ่านมาเลย
เศรษฐกิจจีนมักพึ่งพาปริมาณการลงทุนในระดับสูงและการเติบโตของแรงานเพื่อช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยเหล่านั้นเริ่มที่จะหมดกำลังลงในปัจจุบัน ขณะที่ทางภาครัฐหันไปให้ความสำคัญกับภาคนวัตกรรมและการผลิตแทน เนื่องจากมองว่าจะเป็นรากฐานสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต
โดยรายงานระบุว่า เศรษฐกิจจีนได้ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจโลก และอัตราการเติบโตในปัจจุบันก็ยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนภายในระยะเวลา 10 ปีก่อนเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจไว้ที่เฉลี่ย 3.51% ขณะที่ระยะเวลา 10 ปีหลังเกิดวิกฤติอยู่ที่เฉลี่ย 1.55%
· บีโอเจประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด โดยคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ -0.10% ส่วนเป้าหมายของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี คงไว้ที่ 0.00% ดังเดิม ขณะที่แนวทางการดำเนินนโยบายในอนาคตก็ยังคงเป็น "การคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเป็นระยะเวลาที่ยาวนานออกไปอย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2020"
ด้านค่าเงินเยนค่อนข้างทรงตัวหลังทราบผลประชุม โดยค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวแถว 108.15 เยน/ดอลลาร์ ระหว่างวันแข็งค่าลงประมาณ 0.25%
· ถ้อยแถลงหลังการประชุมของบีโอเจวันนี้ ระบุว่า ทางคณะกรรมการบีโอเจตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ก็พร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมอย่างไม่ลังเล หากเศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงที่อาจกดดันการเติบโตตามเป้าหมาย
สำหรับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่น บีโอเจยังคงมุมมองว่าเศรษฐกิจจะสามารถเติบโตได้ในระดับปานกลาง แต่ทางบีโอเจจะจับตาความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และจะทำให้อัพเดทมุมมองต่อเศรษฐกิจอีกครั้งภายในการประชุมรอบต่อไป
ขณะที่สมาชิกบีโอเจส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า การลดดอกเบี้ยระยะสั้นอาจช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจได้ ขณะที่โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อรายปีหรือดัชนี CPI จะสามารถขยายตัวถึงเป้าหมายที่ 2% ได้ ยังอยู่ในระดับต่ำ
· นายยาสุโทชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่น ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและเกษตรกรญี่ปุ่น ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและญี่ปุ่น ที่ถูกคาดว่าจะได้รับการสรุปและร่วมลงนามภายในสัปดาห์หน้า
รายละเอียดของการเจรจาข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ได้รับการเปิดเผยออกมา แต่ทางญี่ปุ่นถูกคาดว่าจะตกลงปรับลดภาษีสำหรับการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ โดยอัตราภาษีที่จะได้รับการปรับลดลง จะขึ้นอยู่กับความเห็นชอบจากบรรดาสมาชิกภายใต้สนธิสัญญา Trans-Pacific Partnership (TPP)
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายตลาดเอเชีย หลังจากเหตุกาณณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ท่ามกลาง
ตลาดคลายความกังวลลงหลังจากที่ทางการซาอุดิอาระเบียเผยที่จะกลับมาฟื้นกำลังการผลิตน้ำมันได้ค่อนข้างเร็ว
โดนราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ ที่ระดับ 63.84 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ ที่ะรดับ 58.32 เหรียญ/บาร์เรล
· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯให้การสนับสนุน “สิทธิในการป้องกันตัวเอง” ของซาอุดิอาระเบีย พร้อมกล่าวประนามการกระทำของอิหร่านว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ในการพบกับบเจ้าชายมูฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย วันนี้
นอกจากนี้ นายปอมเปโอ ยังได้กล่าวสนับสนุนข้อเรียกร้องของซาอุฯที่ขอให้นานาประเทศส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยสืบสวนเหตุโจมตี
· เอกอัคราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ทางซาอุฯมีตัวเลือกสำหรับการตอบโต้อิหร่าน จากเหตุการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุฯเมื่อสุปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมไปถึงทางเลือกทางการทหาร แต่ขณะที่ ทางซาอุฯกำลังตรวจสอบให้แน่ชัดว่าโดรนเหล่านั้นถูกส่งออกมาจากพื้นที่ใด เนื่องจากอิหร่านเป็นผู้สร้างโดรนเหล่านั้นขึ้น จึงอาจมีส่วนร่วมในการโจมตี