• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 กันยายน 2562

    23 กันยายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในวันศุกร์ที่ผ่านมาและถือเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 3 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีน ประกอบกับเฟดอาจไม่เดินหน้าลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรง


ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 เดือน หลังจากที่รัฐฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของไอริช กล่าวว่า อังกฤษและอียูยังไม่สามารถเข้าใกล้ข้อตกลง Brexit ร่วมกันได


ด้านการเจรจาระดับรองรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาก็ดูจะพยายามผลักดันให้เดินหน้าเจรจาต่อสำหรับการเจรจาระดับสูงในช่วงต้นเดือนต.ค. เพื่อปูทางให้ทั้งสองประเทศาสมารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้


ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ มองว่า การขึ้นภาษีระหว่างกันล่าสุดดูจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและส่งผลต่อกิจกรรมภาคธรุกิจไปทั่วโลก แต่ภาพรวมก็ดูจะเป็นที่แน่ชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวได้ดีกว่าที่อื่นๆ และนั่นทำให้เราเห็นดอลลาร์กลับมาแข็งค่า


ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.31% ที่ระดับ 98.58 จุด และโดยภาพรวมปรับแข็งค่าได้ประมาณ 0.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว


ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.34% ที่ระดับ 1.1003 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่า 0.11% ที่ระดับ 107.935 เยน/ดอลลาร์


ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.34% ที่ระดับ 1.2479 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 2 เดือนที่ระดับ 1.2582 ดอลลาร์/ปอนด์


เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group เผยว่า บรรดาเทรดเดอร์มองโอกาส 64% ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในช่วงสิ้นปี


รายงานจาก CFTC ระบุว่า บรรดานักเก็งกำไรมีการเข้าเปิดสถานะ Long ในค่าเงินดอลลาร์ทำระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยมูลค่าการเปิดสถานะ Long ในค่าเงินดอลลาร์สุทธิอยู่ที่ 1.529 หมื่นล้านเหรียญ จากสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 1.333 หมื่นล้านดอลลาร์


· รายงานจาก USTR เปิดเผยแถลงการณ์สั้นๆ โดยระบุว่า การเจรจาระดับรองรัฐมนตรีของสหรัฐฯและจีนมีความคืบหน้าอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการฟื้นความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน และการเจรจานี้จะนำไปสู่การเจรจาระดับสูงในเดือนต.ค.

อย่างไรก็ดี ในรายงานดังกล่าว ไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดใดๆเพิ่มเติมในการประชุมวาระดังกล่าว

· รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ส เผยว่า ความคาดหวังต่อการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะลดน้อยลงไป หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรจีน เปิดเผยถึงการยกเลิกการเดินทางเยือนฟาร์มเกษตรของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ที่มีกำหนดการจะเยือนรัฐมอนทานา และรัฐเนแบรสกา ซึ่งการยกเลิกการเดินทางเยือนฟาร์มเกษตรดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนที่กรุงวอชิงตัน และหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาต้องการข้อตกลงการค้าฉบับสมบูรณ์กับทางจีน ไม่เพียงแต่การที่จีนเข้าซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

· ประธานจาก UBS ระบุว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจยังมีความผันผวนอยู่ แต่ก็มีโอกาสที่ทั้ง 2 ประเทศจะสามารถหาทางแก้ไขข้อแตกต่างระหว่างกันได้ในระยะยาว ถึงแม้จะเห็นถึงแนวโน้มทการเจรจาที่เป็นลักษณะแกว่งขึ้นและลง แต่ระยะยาวทั้ง 2 ประเทศจะหาทางแก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างกันได้และนำไปสู่ผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ

· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดยังคงมีวามผสมผสานกันทั้งการกล่าวเตือนถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงของตลาดการเงิน และบางรายมองว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางที่ดี

· นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด กล่าวให้สัมภาษณ์กับ CNBC โดยระบุว่า ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเป็นไปด้วยดี โดยจะเห็นได้จากข้อมูลที่หลากหลายภายใต้ภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง, การเติบโตของค่าแรง และค่าใช้จ่ายในภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการอุปโภคบริโภคดังกล่าวส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจกว่า 70% และไม่คิดว่ารูปทรงของกลุ่มผู้บริโภคในเวลานี้จะเปลี่ยนแปลงไป

· นายเจมส์ บุลลาร์ด ปกระธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป ว่าเฟดควรลดดอกเบี้ยมากขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากภาคการผลิตอ่อนตัวลงอย่างมาก ซึ่งนั่นเป็นการปรากฎของสัญญาณถดถอยทางเศรษฐกิจ

· นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า เฟดอาจเสร็จสิ้นการผ่อนคลายทางการเงิน ดังนั้น เขาไม่คาดคิดว่าจะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มในปีนี้หรืออีก 1 ครั้งในป 2020 และเขาเห็นควรว่าระดับอัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีควรจะอยู่ที่ระดับ 1.875%

· นายอีริค โรเซนเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า ผลการดำเนินงานร่วมกันในรูปแบบ Co-Working Spaces ภายใต้ชื่อ WeWok สะท้อนถึงความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินที่อาจนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลจากภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ได้ และประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เขาค่อนข้างกังวลว่าจะนำไปสู่ภาวะขาลงครั้งต่อไปที่กระทบต่อภาคเรียลเอสเตทท์

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์จากความกังวลครั้งใหม่ในเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน แต่ภาพรวมรายสัปดาห์ของราคาน้ำมันดิบยังคงปรับขึ้นในแดนบวก โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดระดับสัปดาห์ที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีในภาคอุตสาหกรรมพลังงานในสัปดาห์ก่อน

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 12 เซนต์ ที่ระดับ 64.28 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 4 เซนต์ ที่ระดับ 58.09 เหรียญ/บาร์เรล


สำหรับสัปดาห์ที่แล้วน้ำมันดิบ Brent ปิด +6.7% ซึ่งเป็นรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือนม.ค. ขณะที่น้ำมันดิบ WTI สัปาดห์ที่แล้วปิด +5.9% ซึ่งเป็นรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.


· รายงานจาก CNBC ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ่ของอิหร่านแสดงความคาดหวังว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นได้ แต่อิหร่านก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำสงครามเต็มรูปแบบหากถูกโจมตีจากทางซาอุดิอาระเบียหรือกองกำลังทหารของสหรัฐฯ พร้อมกับตั้งคำถามว่า ซาอุดิอาระเบียที่พร้อมโจมตีนั้นได้รับกองหนุนทางทหารมาจากสหรัฐฯ

· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า เป้าหมายของสหรัฐฯคือการหลีกเลี่ยงสงครามร่วมกับอิหร่าน และการส่งกำลังเสริมไปยังพื้นที่ตะวันออกกลางมีจุดประสงค์เพื่อ “ป้องกันและกดดัน”

นอกจากนี้ นายปอมเปโอเชื่อว่า หากมาตรการกดดันดังกล่าวประสบความล้มเหลว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็น่าจะมีการดำเนินการบางอย่าง ซึ่งทางผู้นำอิหร่านน่าจะเข้าใจในจุดนี้ดี

· รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส กล่าวว่า ในการประชุมกับ UN สัปดาห์นี้ทางฝรั่งเศสจะให้การสนับสนุนการพยายามลดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านในการประชุมวาระนี้

· นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านจะทำการเสนอแผนการสร้างความมั่นคงบริเวณอ่าวในด้านความร่วมมือกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคโดยจะมีการเจรจากับทาง UN ณ กรุงนิวยอร์กในสัปดาห์นี้

· Fars News Agency เผย อิหร่านทำการปล่อยเรือบรรทุกน้ำมันอังกฤษที่ถูกยึดไว้เมื่อ 19 ก.ค. ฐานละเมิดกฎเกณฑ์การเดินเรือระหว่างประเทศ โดยมีการปล่อยเรือดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com