MTS Help Center

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินยูโรจากสัญญาณปัญหาทางเศรษฐกิจที่ก่อตัวในยูโรโซน ทางด้านค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ ก่อนที่ศาลสูงสุดของอังกฤษจะทำการตัดสินว่าการแขวนสภาของนายกฯอังกฤษนั้นผิดกฎหมายหรือไม่?



นอกจากนี้ บรรดาเทรดเดอร์จับตาไปยังการเจรจาสหรัฐฯ-จีนที่ดูจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งในเดือนหน้า โดยดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาที่ 98.664 จุด ในขณะที่เยนอ่อนค่าลงมาที่ 107.59 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินยูโรยังทรงตัวอยู่ต่ำกว่า 1.10 ดอลลาร์/ยูโร หลังทราบข้อมูลเศรษฐกิจเยอรมนีวานนี้



ค่าเงินปอนด์ก็ยังคงทำต่ำสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ที่ 1.2429 ดอลลาร์/ปอนด์



อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เพียงประเด็น Trade War ที่ดูจะฉุดให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว นักลงทุนก็รอดูความไม่แน่นอน Brexit ด้วยเพราะมีแนวโน้มจะกระเทือนต่อเศรษฐกิจโลก


· นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว Fox Business โดยระบุว่าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าตัวเขาและนายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ตัวแทนเจรจาการค้าระดับสูงของสหรัฐฯจะเข้าพบกับ นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนเพื่อเจรจากันต่อ




· ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวแดนบวกในช่วงบ่ายวันนี้ แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดแถว 98.80 – 98.85 จุด โดยมีแนวโน้มที่ดัชนีจะกลับขึ้นไปเยือนระดับสูงสุดของสัปดาห์ก่อนที่ 99.10 จุด ตราบใดที่ดัชนียังยืนเหนือระดับ 97.96 จุด ที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วัน และหากดัชนีสามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ เป้าหมายต่อไปจะอยู่ที่ระดับ 98.93 จุด ที่เป็นระดับสูงสุดของวันที่ 1 ส.ค. ตามมาด้วยระดับ 99.37 จุด ระดับสูงสุดของปีนี้


· รายงานจาก The Washington Post ระบุว่า นางแนนวี เพโลซี โฆษกประจำทำเนียบขาว มีการขอความคิดเห็นจากบรรดา ส.ส. ระดับสูงหลายรายอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับการยื่นฟ้องร้องนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทาง The Washington Post มีความเห็นว่า เป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญ การฟ้องร้องประธานาธิบดีสหรัฐฯจึงน่าจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


· ศาลสูงสุดของอังกฤษจะประกาศคำตัดสินภายในวันนี้ ว่าการแขวนสภาของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ผิดกฏหมายหรือไม่ ขณะที่ทางนายบอริส ยังคงยืนกรานว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะประกาศแขวนสภาเป็นครั้งที่สอง ถึงแม้ศาลสูงสุดอาจจะมีประกาศว่าการแขวนสภาครั้งแรกนั้นผิดกฏหมายก็ตาม



ทั้งนี้ ศาลสูงสุดจะมีการประกาศออกมาเวลาประมาณ 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย


· หลังจากที่มีรายงานว่า การเจรจาหาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นได้หยุดชะงักลงในช่วงโค้งสุดท้าย เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับการรับรองว่าสหรัฐฯจะไม่ขึ้นภาษี แต่ล่าสุด รายงานจากสำนักข่าว Kyodo News ของญี่ปุ่น ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะสามารถตกลงที่จะไม่ขึ้นภาษีเพิ่มเติมต่อกันได้แล้ว



ขณะที่นายโทชิมิตสึ โมเทกิ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ยืนยันว่า การลงนามร่วมกันในข้อตกลงการค้าระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะเกิดขึ้นภายในวันพุธสัปดาห์นี้


· ถ้อยแถลงของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานบีโอเจ ในวันนี้ มีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้

- คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะเริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้นภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2020

- แต่ควรมีความระมัดระวังเสมอ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจล่าช้าออกไปได้

- มีความเสี่ยงที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเงินเฟ้อญี่ปุ่น

- ทางบีโอเจพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลก

- คาดหวังว่าจะเห็นตลาดการเงินเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง

- จะจับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นญี่ปุ่นต่อไป

- แผนปล่อยกู้ของบีโอเจให้กับภาคอุตสาหกรรมในประเทศ มีบทบาทสำคัญอย่างมากกับการช่วยหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโต


· สมาคมหอการค้ายุโรปในประเทศจีน แสดงความคิดเห็นว่า ประเทศจีนควรเปิดกว้างการค้าของพวกเขามากกว่านี้ เนื่องจากบรรดาผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในตลาดจีน มักจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่ค่อยยุติธรรมจากรัฐบาลจีน ขณะที่ผู้ประกอบการชาวจีนกลับได้รับอภิสิทธิ์พิเศษจากภาครัฐ จึงทำให้การแข่งขันในตลาดผิดเพี้ยนไปหมด และยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งเลวร้ายลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้


· รายงานจากธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ระบุว่า ทางธนาคารกลางมีเครื่องมือสำหรับการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรวมถึงช่องว่างสำหรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินอยู่มากมาย แต่เน้นย้ำว่า ระดับดอกเบี้ยดอกเบี้ยในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสภาวะของเศรษฐกิจจีนแล้ว



ทั้งนี้ ทางธนาคารกลางระบุว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจจากปัญหาธนาคารเงา (shadow banking) รวมถึงปัญหาที่สำคัญอื่นๆ กำลังได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ทางธนาคารกลางสามารถควบคุมไว้ได้แล้ว



· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตยุโรปที่ออกมาอ่อนแอและญี่ปุ่นให้ความสนใจไปยังตลาดเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการที่ปรับตัวลง รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอุปทานในซาอุดิอาระเบีย



โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 40 เซนต์ ที่ระดับ 64.37 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 33 เซนต์ ที่ระดับ 58.31 เหรียญ/บาร์เรล