· ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวสูงขึ้นได้ ท่ามกลางแรงหนุนจากรายงานข่าวที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ ยืนยันว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะกลับมาภายในเดือนหน้า หรือภายในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังจำกัดการฟื้นตัวของตลาดหุ้นอยู่
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ของตลาดหุ้นในแถบเอเชีย-แปซิฟิก ยกเว้นตลาดญี่ปุ่น ปรับสูงขึ้นได้ 0.1% นำโดยตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ที่ปรับขึ้นได้ 0.6% หลังรัฐบาลจีนยืนยันจะให้การสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น
นักวิเคราะห์จากสถาบัน Sumitomo Mitsui DS Asset Management มีมุมมองว่า รายงานข่าวดังกล่าวได้ฟื้นความเชื่อมั่นให้กับตลาด แต่ในภาพรวม ความเชื่อมั่นของตลาดยังค่อนข้างหม่นหมองอยู่ ทั้งนี้ เชื่อว่ามีเบื้องหลังเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ตลาดยังไม่รู้อีกมาก โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกทริปเยี่ยมชมการเกษตรของสหรัฐฯ
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระดับ high-level ระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่จะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า รวมทั้งเหล่านักลงทุนเข้าซื้อก่อนหน้าการประกาศเงินปันผลของบริษัทในช่วงสัปดาห์นี้
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.1% ที่ระดับ 22,098.84 จุด ขณะที่ดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.4% ที่ระดับ 1,622.94 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
สัญญาซื้อขายดัชนีสหรัฐฯล่วงหน้า เพิ่มขึ้น 0.3% โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะเกิดขึ้นในอีกสองสัปดาห์
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะออกมาตรการเพื่อกระตุ้นการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดอยู่
ขณะที่นักลงทุนชาวจีนมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากนายนิ่ง จี๋เจ๋อ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน กล่าวในงานแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่งว่าจีนจะเพิ่มความพยายามเพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ะรดับ 2,985.34 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดแดนบวก ท่ามกลางมุมมองของตลาดที่กลับมาสดใสอีกครั้ง ตอบรับข่าวความคืบหน้าของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังจากที่เมื่อวานปรับลดลงไปจากการประกาศดัชนี PMI ของเยอรมนีที่ออกมาอ่อนแอ
โดยดัชนี STOXX 600 เปิด +0.3% นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่เปิด +0.6% หลังจากเมื่อวานที่ร่วงลงไปถึง 2.8%
ทางด้านตลาดลอนดอน ดัชนี FTSE เปิด +0.1% ก่อนหน้าการตัดสินของศาลสูงสุดในอังกฤษ ว่าการประกาศแขวนสภาของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ผิดกฏหมายหรือไม่ หากศาลตัดสินว่าผิดกฏหมาย อาจเห็นค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นได้
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายอดิทัต วะสีนนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ส.ค.62 อยู่ที่ระดับ 100.58 หดตัว 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนส.ค.62 อยู่ที่ 65.75%
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนส.ค. ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน และน้ำตาล สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง และคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) หดตัวลง 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน