• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 กันยายน 2562

    27 กันยายน 2562 | Economic News

· ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยแตะ 99.11 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยมีระดับการปรับขึ้นระหว่างวันที่มากที่สุดในรอบ 3 เดือน โยปรับขึ้นได้ประมาณ 0.7% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา


ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.16% ที่ระดับ 1.0959 ดอลลาร์/ยูโร หลังร่วงลงไปทำต่ำสุดตั้งแต่พ.ค. ปี 2017 ที่ระดับ 1.0923 ดอลลาร์/ยูโร


นักวิเคราะห์บางส่วน มองว่า ความตึงเครียดทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั้งจากสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของBrexit ดูจะส่งผลให้ดอลลาร์กลายมาเป็นสินทรัพย์ Safe-Haven มากขึ้น ขณะที่ตลาดจับตาสัญญาณที่ผสมผสานกันของกรณี Trade War ที่ทั้งหมดนี้กลายมาทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งหากข้อตกลงกับสหรัฐฯและจีนเกิดขึ้นก็ดูจะกลายเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกได้

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตาดูความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ประกอบกับตลาดรอความคืบหน้าจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับการไต่สวนเพื่อถอดถอนนายทรัมป์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงแถว 1.687% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปี ปรับลงมาที่ 2.129%


อย่างไรก็ดี ตลาดก็ยังคงตอบรับกับทิศทางเชิงบวกหลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายทรัมป์ ระบุว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าที่คาด ซึ่งแตกต่างจากถ้อยแถลง ณ ที่ประชุม U.N. ขณะที่รายงานจาก Bloomberg รายงานถึงการที่จีนตั้งใจจะทำการเข้าซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯเพิ่มในระหว่างการเจรจาเดือนหน้า ท่ามกลางภาวะ Trade War ที่ส่งผลให้ทั้งสองประเทศต่างฝ่ายต่างขึ้นกำแพงภาษีระหว่างกันเป็นมูลค่ามหาศาล


· รายงานจาก CNBC ระบุว่า มีแหล่งเข้าใกล้ชิด 3 ราย เปิดเผยว่า การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนถูกกำหนดขึ้นในช่วงระหว่าง 10-11 ต.ค. ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ โดยที่ นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นตัวแทนในการนำทัพเจรจาจากจีน

· รายจากจาก Reuters ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ เผยว่า จีนมีความตั้งใจจะเข้าซื้อสินค้าจาสหรัฐฯเพิ่มขึ้น และการเจรจาการค้าดูจะมีทิศทางที่ดี หากทั้งสองฝ่ายมีการใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงท่าทีที่ดีและลดแรงกดดันหรือคำพูดเชิงลบในระหว่างการเกิดข้อพิพาททางการค้าระหว่างกัน

· นางแนนซี เพโลซี โฆษกประจำทำเนียบขาว กล่าวหาว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามที่จะปิดบังหลักฐานเกี่ยวกับการกดดันให้ประธานาธิบดียูเครนยอมทำตามข้อเรียกร้องของนายทรัมป์ เกี่ยวกับการสืบสวนนายโจ ไบเดน ตัวเต็งการเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครต

ทั้งนี้ นางเพโลซียืนยันว่า การไต่สวนนายทรัมป์จะมุ่งประเด็นไปที่การใช้อำนาจในทางที่ผิดกับยูเครนเท่านั้น ส่วนประเด็นอื่นๆที่อาจเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจในทางที่ผิดจะได้รับการพิจารณาในภายหลัง

· รายงานจากคณะกรรมการพรรคเดโมแครต เปิดเผยว่า ไม่ใช่แค่ทางทีมบริหารของนายทรัมป์ที่พยายามปิดบังหลักฐานการสนทนากับผู้นำยูเครน แต่ทาง “ทำเนียบขาว” ก็มีส่วนในความพยายาม “กีดกัน” การเข้าถึงหลักฐาน

โดยรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวได้แทรกแซงระบบบันทึกการสนทนาผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างนายทรัมป์และผู้นำยูเครน ซึ่งปกติจะถูกบันทึกผ่านระบบคอมพิวเตอร์ แต่บันทึกการสนทนาครั้งดังกล่าว กลับถูกแทรกแซงและบันทึกลงในระบบที่ใช้ในการเก็บเอกสารที่เป็นความลับแทน ซึ่งขัดแย้งกับข้ออ้างของนายทรัมป์ที่ระบุว่าการสนทนากับผู้นำยูเครนไม่มีประเด็นใดที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเลย

· ล่าสุดคณะกรรมการด้านข่าวกรองแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับกรณีการไต่สวนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากกรณีที่เขาพยายามเจรจากับผู้นำยูเครนให้สืบสวนคู่แข่งทางการเมืองของนายทรัมป์

รายงานโดยสรุปจาก CNBC ระบุว่า เอกสารลับดังกล่าวซึ่งมีทั้งหมด 9 หน้า ได้ระบุให้เป็น “กรณีเร่งด่วน” เนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการใช้อำนาจในทางที่ผิด เพื่อนำการแทรกแซงจากต่างชาติเข้ามายังการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 และนอกจากจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างนายทรัมป์และผู้นำแล้ว ยังระบุความพยายามของทีมบริหารเพื่อ “ปิดบัง” หลักฐานของการสนทนาอีกด้วย

· นายโธมัส ไอ. บาสกิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวแสดงความกังวลถึงปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นประเด็น Brexit สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง แม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ก็กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและยูโรโซน ก็มีความเป็นไปได้ที่ความอ่อนแอดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

· สถานการณ์ในรัฐสภาอังกฤษเป็นไปร้องแรง ท่ามกลางการถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็น Brexit โดยทั้งนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กับรัฐบาลของเขา และฝ่ายค้านในรัฐสภา ต่างถกเถียงกันด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเป็นเวลานับหลายชั่วโมง อีกทั้งยังมีการกล่าวหากันว่าแต่ละฝ่ายเป็นกบฏหรือใช้อำนาจในทางที่ผิด

· นายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี กล่าวในที่ประชุม U.N. โดยระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ตุรกีจะสามารถระงับการซื้อน้ำมันและก๊าสธรรมชาติจากอิหร่านได้ แม้ทางสหรัฐฯจะข่มขู่ด้วยการจะคว่ำบาตรอยู่ก็ตาม พร้อมยืนยันว่า การค้าระหว่างตุรกีและอิหร่านจะดำเนินต่อไป เนื่องจากตุรกีไม่ต้องการตัดความสัมพันธ์กับอิหร่าน

โฆษกประจำกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวตอบโต้กรณีที่สหรัฐฯคว่ำบาตรจีนจากกรณีต้องสงสัยว่าลักลอบขนส่งน้ำมันออกจากอิหร่าน โดยระบุว่าเป็นการ “กลั่นแกล้ง” และการดำเนินงานร่วมกันระหว่างจีนและอิหร่านถือว่าถูกกฏหมายและเป็นไปอย่างโปร่งใส

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากที่ คณะกรรมการหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เปิดเผยถึงการที่นายทรัมป์มีการใช้สำนักงานของเขาเก็บข้อมูลการเรียกร้องให้ต่างชาติแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า ขณะเดียวกันตลาดน้ำมันก็ยังถูกกดดันจากการที่ซาอุดิอาระเบียมีการฟื้นกำลังการผลิตได้เร็วกว่าที่คาดหลังเผชิญเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ของประเทศ

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 40 เซนต์ หรือ +0.6% ที่ระดับ 62.79 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ WTI ปิดปรับลง 8 เซนต์ หรือ -0.1% ที่ระดับ 56.41 เหรียญ/บาร์เรล

· รายงานล่าสุดจาก KCNA เผยเช้านี้ว่า ทางเกาหลีเหนือยังคงปราศจากความคืบหน้าใดๆในการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้นำคิม จอง อึน ของเกาหลีเหนือ ขณะที่การร่วมฝึกซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีใต้ รวมทั้งการคว่ำบาตร ก็ดูจะเป็นแรงกดดันต่อเกาหลีเหนืออยู่ในเวลานี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com