· หุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงหลังมีรายงานว่าทีมบริหารของนายทรัมป์กำลังพิจารณาการเพิกถอนบริษัทจีนจากตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าหุ้นสหรัฐฯ จึงยิ่งเพิ่มความกังวลว่าอาจเห็นแรงตึงเครียดทางการค้าของสหรัฐฯและจีนเพิ่มขึ้น
แหล่งข่าวระบุกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการจำกัดภาคการลงทุนสหรัฐฯในบริษัทจีน
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลง 70.87 จุด หรือ -0.26% ที่ระดับ 26,820.25 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.53% ที่ระดับ 2,961.79 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -1.13% ที่ระดับ 7,939.63 จุด
อย่างไรก็ดี การเจรจาระดับสูงระหว่างสหรัฐฯและจีนถูกกำหนดขึ้นระหว่าง 10-11 ต.ค. ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐฯ
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นท่ามกลางท่าทีระมัดระวังของนักลงทุนต่อสัญญาณบวกทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แม้ว่าจะช่วยจำกัดความตึงเครียดของความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯลงไปได้บ้าง
ดัชนี Stoxx600 ปิดปรับขึ้นประมาณ 0.42% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนบวก
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลง โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.36% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด -0.54% ทางด้าน Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.14% และ S&P/ASX200 เปิดทรงตัว
สำหรับภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเปิด -0.1%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ไว้ระหว่าง 30.55-30.70 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดน่าจะรอดูปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะกรณี Brexit และ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะแห่งประเทศไทย (สบน.) ชี้แจงประเด็นข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ก่อนที่จะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรว่า ยการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ โดยกรอบวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่ได้บรรจุไว้ เป็นวงเงินกู้ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ เพื่อประกอบการเสนอร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ให้รัฐสภาพิจารณา โดยกระทรวงการคลังจะสามารถกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้เมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาและประกาศเป็นกฎหมายแล้ว
- อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ไทย เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนก.ย.62 คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาตรการเตรียมความพร้อมเพิ่มเติม เพื่อรับมือกรณีสหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกอียู (Brexit) ในวันที่ 31 ต.ค.62 เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อม ทั้งนี้ ในส่วนไทยขอให้ผู้ประกอบการไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจาก Brexit ติดตามข้อมูลการเตรียมความพร้อมของอียูอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทันสถานการณ์
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดมุมมองแก้ปัญหาบาทแข็ง โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาท เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีเงินบาทแข็งค่ากว่า 6.28% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ นับเป็นค่าเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย ทำให้ ธปท.จำเป็นต้องออกมาตรการจำกัดสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ระยะสั้นและจำกัดปริมาณเงินฝากในบัญชีเงินฝากของต่างชาติ (NRBA/NRBS) ในเดือน ก.ค.62 แต่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเงินบาทยังคงแข็งค่าในช่วง 30.40-30.70 บาท/ดอลลาร์