· ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวใกล้ระดับสูงสุด ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามจึงส่งผลให้นักลงทุนหันเข้าหาค่าเงินดอลลาร์ในฐานะ Safe-haven ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี หลังดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับร่วงลงอย่างหนัก
ทั้งนี้ ตลาดเอเชียดูจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากรายงานข่าวที่ว่า ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯกำลังพิจารณาลบรายชื่อบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้รายงานดังกล่าวจะถูกปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงจากทางทำเนีบข่างในภายหลังก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถวระดับ 99.061 จุด ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 99.37 จุด ส่วนเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ทรงตัวแถว 1.0945 ดอลลาร์/ยูโร แม้การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรจะออกมาอ่อนแอกว่าคาด แต่ค่าเงินยูโรดูจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ด้านค่าเงินเยนแข็งค่า 0.2% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์แถว 107.75 เยน/ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินหยวนทรงตัวแถว 7.135 หยวน/ดอลลาร์
· นายชาลส์ อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า เขาเปิดกว้างต่อการปรับดอกเบี้ย เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจ
และเมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุด นายอีวานส์มองว่าอาจเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมแล้ว แต่เขาก็ยังเปิดกว้างต่อการปรับลดอกเบี้ยครั้งต่อไปเช่นกัน
· ประเด็นการไต่สวนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะมีการสอบสวนพยานที่รู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องว่านายทรัมป์พยายามติดต่อต่างชาติเพื่อขอความร่วมมือกดดันคู่แข่งทางการเมืองของเขา
· บรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตแห่งสภาคองเกรสสหรัฐฯ พยายามผลักดันให้สามารถเข้าถึงบันทึกการสนทนาระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย รวมถึงบรรดาผู้นำประเทศคนอื่นๆ เนื่องจากความกังวลว่า นายทรัมป์อาจกำลังทำลายความมั่นคงของประเทศ
· รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวเตือนว่า การนำชื่อบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือการกีดกันการเข้าถึงตลาด จะสร้างความเสียหายให้แก่ทั้งสองฝ่าย และอาจสร้างผลกระทบไปยังตลาดทั่วโลกได้
· นางรีเบคกา แฟนนิน ผู้แต่ง “Tech Titans of China” เตือน ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีของจีนได้พัฒนาก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่อง และเริ่มที่จะเป็นผู้นำในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของ A.I. และชิพประมวลผล แตกต่างกับเมื่อก่อนที่สหรัฐฯเป็นฝ่ายดูถูกว่าจีนทำได้แค่การลอกเลียนแบบเท่านั้น ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐฯจำเป็นต้องปรับปรุงแผนการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการลงทุนและวิจัยในเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเอาไว้
· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Asia Pacific IPO แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่สหรัฐฯกำลังพิจารณากีดกันจีนไม่ให้เข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยอาจเป็นการลบชื่อบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายในทางลบ และเมื่อเป็นเช่นนั้น บรรดาบริษัทจะหลีกเลี่ยงการจดทะเบียนในสหรัฐฯ และหันมาจดทะเบียนในจีนหรือฮ่องกงแทน
· อัตราการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นเดือน ส.ค. ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด ซึ่งเป็นสัญญานเตือนถึงผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่กำลังเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกกลับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาด บ่งชี้ถึงการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นก่อนหน้าการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มของรัฐบาลที่จะดำเนินการภายในเดือน ต.ค.
ทั้งนี้ การผลิตของภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. ชะลอตัวลง -1.2% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ -0.5% และสวนทางกับอัตราของเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ 1.3%
· ราคาน้ำมันดิบปปรับตัวลดลง เนื่องจากมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอ แม้ว่าข้อมูลภาคการผลิตจะปรับตัวดีขึ้น ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุปสงค์ที่ผู้นำเข้าน้ำมันดิบ
โดยน้ำมันดิบ Brent ลดลง 20 เซนต์ ที่ระดับ 61.71 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3 เซนต์ ที่ะรดับ 55.88 เหรียญ/บาร์เรล
· เจ้าชายมูฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย กล่าวเตือนว่า หากนานาชาติไม่สามารถร่วมมือกันเพื่อกดดันการกระทำของอิหร่าน และอิหร่านกลายเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของทั่วโลก กระแสอุปทานน้ำมันจะปั่นป่วน และราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน