· ค่าเงินยูโรร่วงลงทำต่ำสุดรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจยูโรโซน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ Trade Warระหว่างสหรัฐฯและจีน ทางด้านข้อมูลเงินเฟ้อเยอรมนีออกมาชะลอตัวลงกว่าที่คาด และหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ย.
ข้อมูล CPI ของเยอรมนีออกมาอย่างหน้าผิดหวังและแย่กว่าที่นักวิเคราะห์โดยร่วงลง 1.2% จากระดับ 1.4% ในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ดี รายงานของเยอรมนีล่าสุดดูจะส่งผลให้บรรดาสถาบันทางเศรษฐกิจรายใหญ่มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเยอรมนีในปีนี้ลงไปด้วย อ้างอิงจากสำนักข่าว Reuters ที่ได้รับข้อมูลจาก 2 หน่วยงาน
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 ก็ดูเหมือนดอลลาร์จะยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า และน่าจะเข้ากดันต่อดอลลาร์ ทำให้นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าอาจเห็นค่าเงินยูโรเมื่อเทียบดอลลาร์อยู่ในสภาวะขาลง
ค่าเงินยูโรเมื่อวานนี้อ่อนค่าลง 0.37% ที่ระดับ 1.0898 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ลงไปทำต่ำสุดนับตั้งแต่พ.ค. ปี 2017 บริเวณ 1.0883 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตาไปยังภาวะ Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ดูจะเป็นปัจจัยหลักดดันเศรษฐกิจโลก
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 99.397 จุด จากระดับ 99.2 จุดวานนี้
· ทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯกำลังพิจารณาถอดถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่อาจสร้างความตึงเครียดทางการค้าใหเพิ่มมากขึ้นได้ ขณะที่จีนกล่าวเตือนว่า การไม่มีเสถียรภาพในตลาดต่างประเทศเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน และอาจส่งผลเสียต่อทั้งทางสหรัฐฯและจีนทั้งคู่
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯและจีนมีกำหนดการเจรจาครั้งต่อไปกันในระหว่างวันที่ 10 และ 11 ต.ค.นี้ ประกอบกับตลาดยังคงมีความไม่แน่นอนของผลลัพธ์การไต่สวนเพื่อถอดถอนนายทรัมป์ออกจากตำแหน่ง และปัจจัยทั้งหมดกลายเป็นความต้องการดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
เมื่อวานนี้ นายทรัมป์ ทวิตเตอร์ข้อความโจมตีกระบวนการไต่สวน โดยระบุว่า ควรมีการจับกุมตัวนายอดัม ชิฟฟ์ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในข้อหากบฏ
· ทางการจีน กล่าวว่า จีนกำลังเร่งผลักดันการเปิดประตูสู่ตลาดการเงินและสนับสนุนเม็ดเงินจากต่างชาติ หลังมีรายงานว่าทางทำเนียบขาวมีการพิจารณาจำกัดการลงทุนของบริษัทสหรัฐฯในจีน
คณะกรรมาธิการพัฒนาและกำกับดูแลเสถียรภาพทางการเงินของจีน กล่าวถึงความจำเป็นต่อการขยายการเปิดแนวทางสำคัญ 2 ส่วนสำหรับภาคอุตสาหกรรมการเงิน และสถาบันการเงินต่างประเทศ รวมทั้งกองทุนต่างๆในการเข้าถึงตลาดการเงินภายในประเทศ รวมทั้งเสริมสร้างและสนับสนุนการแข่งขันในระบบการเงินของจีน
· นายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของนายทรัมป์ เผยว่า สหรัฐฯใช้ท่าทีที่คลาสสิกต่อเกาหลีเหนือเพื่อให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์บริเวณคาบสมุทรเกาหลี แต่ในความเป็นจริงนั้น เกาหลีเหนือไม่เคยที่จะยอมแพ้ให้ต่อการปลดอาวุธนิวเคลียโดยแท้จริง
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงจากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และภาวะสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ยังคงดำเนินไปจุดประกายความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันในตลาด ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางตั้งแต่ 14 ก.ย. ดูจะค่อยๆเลือนหายไปจากตลาด
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 1.16 เหรียญ หรือ -1.9% ที่ระดับ 60.75 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 1.84 เหรียญ หรือ -3.3% ที่ระดับ 54.07 เหรียญ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี ตลอดเดือนก.ย. น้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดมีความผันผวนอย่างมากและจะเห็นถึงราคาปรับขึ้นได้เกือบ 20% จากเหตุโรงกลั่นน้ำมันซาอุดิอาระเบียถูกโจมตี แต่แล้วราคาก็อ่อนตัวลงหลังจากที่ซาอุดิอาระเบียฟื้นกำลังการผลิตได้อย่างรวดเร็ว
ภาพรวมไตรมาสที่ 3/2019 ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 8.6% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 6.1% อันเนื่องจากความกังวลต่อสภาวะ Trade War ของสหรัฐฯและจีนที่ดูจะฉุดให้การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกแตะระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษ และเข้ากดดันอุปสงค์น้ำมัน
· ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของจีน ปรับตัวขึ้นเพียง 49.8จุดในเดือนก.ย. จาก 49.8 จุดในเดือนก่อนหน้า แต่การที่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด ก็ยังสะท้อนถึงภาวะหดตัว