· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและค่าเงินเยน ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกจากข้อมูลภาคการผลิตและการจ้างงานเอกชนวานนี้
ADP เผยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนประจำเดือนก.ย. ออกมาแย่กว่าที่คาดแตะ 135,000 ตำแหน่ง ขณะที่เดือนก่อนหน้าถูกปรับทบทวนลงมาที่ 157,000 ตำแหน่ง และได้ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและค่าเงินเยน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่าดอลลาร์จะยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดูจะยังแข็งแกร่งอยู่ ขณะที่ตลาดให้ความสำคัญมากขึ้นต่อข้อมูล Non-Farm Payrolls คืนวันศุกร์นี้เพื่อชี้วัดความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมา 0.3% ที่ 107.39 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่สั่นคลอนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
· ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 1.0944 ดอลลาร์/ยูโร โดยปรับขึ้นเหนือระดับต่ำสุดรอบ 2 ปีที่ทำไว้ที่ 1.0879 ดอลลาร์/ยูโร
· ดัชนีดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยน้อยทรงตัวที่ 99.13 จุด หลังจากที่วันอังคารไปทำสูงสุดรอบ 29 เดือนที่ 99.667 จุดก่อนทราบข้อมูลการผลิตที่ออกมาแย่
· ค่าเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าลง 0.1% ที่ 1.2290 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ว่า แผนของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับ Final Brexit ที่เสนอต่ออียูจะได้รับการเห็นชอบจากอียูหรือไม่
· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จัดทำแผนเสนอ Final Brexit หรือข้อตกลงสุดท้ายแก่ทาง EU โดยกล่าวย้ำถึงความเป็นไปได้ที่จะสามารถประนีประนอมกันในนาทีสุดท้ายเพื่อหาข้อตกลงการออกจากอียู แต่ก็ดูเหมือนทางอียูจะตอบรับด้วยท่าทีระมัดระวัง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันในเวลานี้
· นายไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีอาวุโส ระบุว่า สำหรับข้อเสนอ Brexit ฉบับใหม่ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษนั้น อาจได้รับชัยชนะด้วยเสียงสนับสนุนที่เพียงพอจากทางรัฐสภาอังกฤษ หลังจากที่ทางรัฐสภามีการปฏิเสธข้อเสนอจากนางเมย์ อดีตนายกฯคนก่อนหน้าไปแล้วถึง 3 ครั้ง แต่บรรดาส.ส.ในรัฐสภาก็ดูเหมือมีสัญญาณที่ดีที่จะให้การสนับสนุนต่อแผนข้อตกลงฉบับใหม่ดังกล่าว
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 ปี ทำต่ำสุดรอบ 1 เดือน จากข้อมูลจ้างงานเอกชนที่ออกมาแย่กว่าที่คาด ประกอบกับกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการจะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 2 ปี ปรับตัวลงแตะ 1.498%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวลงแตะ 1.604% ขณะที่ 30 ปี ปรับลงมาที่ 2.074%
เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group มองว่าโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่กรอบ 1.75 – 2.0% ในเดือนนี้มีมากขึ้นสู่ระดับ 74.3% จากระดับ 39.6% ในวันจันทร์
· สหรัฐฯจะทำการขึ้นภาษีอุปกรณ์การบินของทางยุโรป 10% และขึ้นภาษีในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมทั้งสินค้าเกษตรอีก 25% หลังองค์กรการค้าโลก (WTO) มีคำตัดสินว่า สหรัฐฯ สามารถตั้งภาษีสินค้าจาก EU ได้ เพราะสหภาพยุโรปล้มเหลวในการทำตามคำตัดสินของพวกเขาในเรื่องการจ่ายเงินอุดหนุนบริษัท แอร์บัส อย่างผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ดี การขึ้นภาษีดังกล่าวถูกคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ต.ค. แม้ว่าทางการสหรัฐฯจะไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับผลรวมของการขึ้นภาษีทั้งหมดที่อียูต้องเผชิญ ขณะที่ WTO ตัดสินเมื่อวานว่าสหรัฐฯสามารถเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปได้ในวงเงิน 7.5 พันล้านเหรียญ
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 2% หลังข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯออกมาพุ่งขึ้นเกินคาด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะ Oversupply ในตลาด จากข้อมูลเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเห็นข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯล่าสุดที่ดูจะส่งผลลบต่อตลาดการเงิน
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 1.2 เหรียญ หรือ -2% ที่ระดับ 57.69 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 98 เซนต์ หรือ -1.8% ที่ 52.64 เหรียญ/บาร์เรล
ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงไปกว่า 2% หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีน ดูจะสะท้อนว่าได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของสองประเทศที่กำลังคุกคามสู่ตลาดแรงงาน และนั่นทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวลงไปทำต่ำสุดรอบ 1 เดือน
รายงานจาก EIA เผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล
· รายงานจากเกาหลีเหนือระบุว่า พวกเขาสามารถทดสอบยิงขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่ยิงออกจากเรือดำน้ำได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมระบุว่า เป็นการดำเนินการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ และเป็นการยิงทดสอบขีปนาวุธที่เกิดขึ้นการหน้าการเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ