• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2562

    3 ตุลาคม 2562 | SET News
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

หลังจากที่สหรัฐฯจะทำการขึ้นภาษีอุปกรณ์การบินของทางยุโรป 10% และขึ้นภาษีในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมทั้งสินค้าเกษตรอีก 25% หลังองค์กรการค้าโลก (WTO) มีคำตัดสินว่า สหรัฐฯ สามารถตั้งภาษีสินค้าจาก EU ได้ เพราะสหภาพยุโรปล้มเหลวในการทำตามคำตัดสินของพวกเขาในเรื่องการจ่ายเงินอุดหนุนบริษัท แอร์บัส อย่างผิดกฎหมาย

โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 0.60% ด้านสัญญาซื้อขายดัชนีสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 0.22% แต่นี่เป็นเพียงเล็กน้อยที่จะหนุนความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนีหลักของนิวยอร์กต่างร่วงลงกว่า 1.5%

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง โดยดัชนี Nikkei ร่วงลง 2% ที่ระดับ 21,341.74 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 1.7% ที่ระดับ 1,568.87 จุด ร่วงลงมากที่สุดในรอบมากกว่า 3 สัปดาห์

หลังจากข้อมูล ADP เผยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนประจำเดือนก.ย. ออกมาแย่กว่าที่คาดแตะ 135,000 ตำแหน่ง ขณะที่เดือนก่อนหน้าถูกปรับทบทวนลงมาที่ 157,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าว่าสงครามการค้ากับจีนกำลังก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ขณะที่หุ้น Fast Retailing ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี Nikkei ลดลง 3.9% หลังจากบริษัทกล่าวว่ายอดขายประจำเดือนก.ย.ของสาขาเดิมลดลง 4.2% จากปีก่อนหน้า

· ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวผสมผสานกัน หลังจากที่สหรัฐฯจะทำการขึ้นภาษีอุปกรณ์การบินของทางยุโรป 10% และขึ้นภาษีในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมทั้งสินค้าเกษตรอีก 25%

โดยดัชนี Stoxx600 เคลื่อนไหวทรงตัว ด้านน้ำมันและก๊าซลดลง 1% ขณะที่ภาคอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 0.6%

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐผลักดันสกุลเงินบาท หรือสกุลเงินท้องถิ่นซื้อขายในอาเซียน หรือเริ่มจากกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีที ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะเงินบาทแข็งค่าอย่างมาก ให้เกิดเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคลักษณะเดียวกับประเทศสิงคโปร์ แต่ต้องมีการหารือปรับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เอื้ออำนวยให้ได้

- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นัดผู้บริหาร ททท.หารือถึงแผนการดำเนินโครงการถึงเวลาทัวร์ ให้ทั่วไทย ผ่านมาตรการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย และเที่ยววันธรรมดาราคาช็อคโลก ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยโครงการจะเริ่มต้นในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. 62 เบื้องต้น ททท.คาดว่า ทั้งสองมาตรการที่ออกมาจะช่วยกระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ แทนการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โดยตลอดทั้งปี น่าจะมีจำนวนคนไทยเที่ยวในประเทศได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 180 ล้านคน/ครั้ง หรือสร้างรายได้ 1.17 ล้านล้านบาท

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com