• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2562

    7 ตุลาคม 2562 | Economic News


· กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผย ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของภาครัฐบาลเดือนก.ย. ออกมาที่ระดับ 136,000 ตำแหน่ง จากคาดการณ์ที่ 145,000 ตำแหน่ง แต่ในเดือนก่อนหน้ามีการปรับทบทวนตัวเลขคาดการณ์สูงขึ้นมาที่ 168,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.


ทั้งนี้ ในช่วงการประกาศข้อมูลดังกล่าว ค่าเงินดอลลาร์ตอบรับด้วยการปรับแข็งค่าขึ้น ก่อนปิดปรับลง 0.03% มาที่ 98.87 จุด




ในส่วนของอัตราว่างงานปรับตัวลงแตะ 3.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี

· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากที่การจ้างงานสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าที่คาด แต่ภาพรวมตลาดก็ยังแข็งแกร่ง จึงทำให้นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับภาวะความเสี่ยงทางการเมืองของสหรัฐฯและจีนในเรื่องการเจรจาการค้าต่อ

ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ทำระดับแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนและค่าเงินยูโร หลังจากทราบรายงานจ้างงานดังกล่าว ก่อนที่การฟื้นตัวจะค่อยๆอ่อนค่าลงมา


รายงานจาก CNBC ระบุว่า อัตราว่างงานเดือนก.ย.ที่ออกมาดีขึ้นก็ดูจะช่วยลดโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ของเฟดลงไปบางส่วน


ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 0.1% ที่ 98.805 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าแตะ 106.82 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 0.2% แตะ 1.0982 ดอลลาร์/ยูโร


· ภาวะความตึงเครียดทางการเมืองในสหรัฐฯ ยังมีอยู่ หลังมีการเปิดเผยข้อความการเจรจาเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดี แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯมีการกดดันทางยูเครน เพื่อให้ทำการสืบสวนที่จะนำไปสู่ผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมืองของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนการพบกันระหว่างสองผู้นำ และการเปิดเผยดังกล่าวมาจากพรรคเดโมแครตของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่กำลังมีการไต่สวนหาข้อเท็จจริงว่า นายทรัมป์ มีการกดดันผู้นำยูเครนให้สืบสวน นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งลูกชายของเขาที่มีการติดต่อกับบริษัทแก๊สรายใหญ่ในยูเครน ขณะที่ตลาดจับตาการเจรจาสหรัฐฯและจีนในสัปดาห์นี้


· สำหรับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้น ถูกคาดว่า นายทรัมป์ จะมีกรสร้างแรงกดดันให้จีนทำการสืบสวน นายโจ เดน ด้วย แต่ทั้งหมดนี้ก็อาจไม่ส่งผลต่อการเจรจาระดับสูงที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้


โดยจะเห็นได้ว่า นายทรัมป์ มีการส่งสัญญาณว่าจีนควรเริ่มกระบวนการสืบสวนอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯลูกชายของเขา แต่โดยส่วนตัวเขาก็อยากให้การเจรจาสหรัฐฯและจีนยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่ความกังวลต่อกรณีของนายไบเดนนั้นถูกแยกออกมา


· ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงขยายตัวได้ดี แม้ว่าจะมีความผันผวนที่ต้องเผชิญอยู่

· นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า กล่าววว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังมุ่งเข้าสู่ภาวะถดถอยใดๆ และการดำกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดดูจะเป็นการช่วยอัดฉีดทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นขยายตัวได้ในระยะยาว

· นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ กล่าวปฏิเสธแนวความคิดที่ว่าเฟดควรลดดอกเบี้ยเพิ่มเพื่อหนุนอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ ที่ดูจะยิ่งเป็นการทำให้ตลาดการเงินนั้นไม่มีดุลยภาพ ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในเวลานี้ก็ดูเหมือนจะยังไม่จำเป็น และภาพรวมก็ยังขาดหลักฐานที่มากกว่านี้ในการจะระบุถึงภาวะความเสี่ยงขาลง หรือเงินเฟ้อชะงักงันใด

· นายอีริค โรเซ็นกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน หนึ่งในสมาชิกเฟดที่คัดค้านการปรับลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปีนี้ กล่าวว่า เขาเปิดกว้างต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟด และยังแสดงความคิดเห็นว่า เขามีความกังวลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากจะเห็ฯได้ว่าการจ้างงานยังคงเติบโตได้ดี และนั่นทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะดำเนินไปอย่างมีเสถียรภาพ

· รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ทีมตัวแทนการเจรจาจากประเทศจีนดูจะมีความลังเลในการผลักดันข้อตกลงทางการค้าร่วมกับสหรัฐฯที่มีกำหนดจะเริ่มต้นการเจรจาในวันพฤหัสบดีนี้

โดยนายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งจะเป็นผู้นำทีมเจรจาครั้งนี้ ได้รายงานกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลจีน ว่าข้อเสนอในการเจรจากับสหรัฐฯจะไม่รวมการปฏิรูปนโยบายการค้าของจีน ซึ่งเป็นประเด็นที่ทางสหรัฐฯเรียกร้องกับจีนมาโดยตลอด

· สำหรับกรณีการที่สหรัฐฯจะทำการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากยุโรปนั้น ล่าสุดทางรัฐบาลสเปนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า จะทำการปฏิเสธต่อการขึ้นภาษีใหม่ใดๆของสหรัฐฯ และหาจะหามาตรการตอบโต้ที่แข็งกร้าวหากสหรัฐฯมีการยืนยันที่จะดำเนินการดังกล่าว

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา การเจรจาในระดับคณะทำงาน (working-level) ระหว่างตัวแทนจากเกาหลีเหนือและสหรัฐฯที่จัดขึ้นในประเทศสวีเดน ประสบความล้มเหลวและยุติลง โดยทางตัวแทนเกาหลีเหนือ กล่าวหาว่าสหรัฐฯขาดความยืดหยุ่นและยึดติดกับมุมมองเดิมๆ ขณะที่ทางสหรัฐฯกล่าวหาว่า ตัวแทนเกาหลีเหนือไร้ซึ่งความเต็มใจหรือจิตวิญญาณในการเจรจาตลอด 8 ชั่วโมงครึ่งที่ร่วมการเจรจากัน แต่ทางสหรัฐฯได้ตอบรับคำเชิญของสวีเดนเพื่อกลับมาเจรจากับเกาหลีเหนืออีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

ขณะที่ทางเกาหลีเหนือไม่เชื่อมั่นว่าสหรัฐฯจะสามารถหาทางเลือกในการเจรจาอื่นมาแทนได้ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ และยังไม่มีความชัดเจนว่า เกาหลีเหนือจะตกลงกลับมาเจรจากับสหรัฐฯในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมีมุมมองว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลาเพื่อกดดันให้สหรัฐฯยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าเดิมในการเจรจาครั้งต่อไป

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นได้ประมาณ 1% ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของข้อมูลภาคแรงงานแม้จะมีสัญญาณอ่อนตัว ขณะที่ความกังวลเรื่องภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกก็ดูจะทำให้ตลาดกังวลว่าจะเป็นอุปสรรคต่ออุปสงค์น้ำมัน แต่ภาพรวมรายสัปดาห์จะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงไปกว่า 5% ในสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 66 เซนต์ หรือ +1.14% ที่ระดับ 58.37 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 36 เซนต์ หรือ +0.7% ที่ระดับ 52.81 เหรียญ/บาร์เรล


ภาพรวมรายสัปดาห์จะเห็นว่าน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง -5.7% ซึ่งเป็นระดับรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่ WTI ปิด -5.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นระดับสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่เดือนก.ค.



· เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันดิบอิหร่านเผยว่า อิหร่านจะไม่ยอมจำนวนต่อแรงกดดันจากทางสหรัฐฯ และจะใช้ทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อทำการส่งออกน้ำมันของประเทศ


อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าการส่งออกน้ำมันอิหร่านปรับตัวลงไปแล้วประมาณ 80% หลังจากที่สหรัฐฯประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรเมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯทำการถอนข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 ร่วมด้วยชาติมหาอำนาจอื่นๆ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com