· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีน รวมทั้ง Brexit จึงหนุนให้ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.1% ที่ระดับ 1,507.01 เหรียญ โดยสามารถทรงตัวและยืนเหนือ 1,500 เหรียญ หลังจากที่วันอังคารปรับตัวขึ้นไปมากกว่า 1%
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิด +0.6% ที่ระดับ 1,512.8 เหรียญ
· เมื่อวานนี้สหรัฐฯมีการแบนวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐของจีนที่มีความเกี่ยวข้องกับการกดขี่ข่มเหงชาวมุสลิม ก่อนที่สหรัฐฯและจีนจะเข้าสู่การเจรจาการค้าระดับสูงที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ต.ค. นี้แน่ หากปราศจากความคืบหน้าในการเจรจาครั้งนี้
· นักวิเคราะห์จาก Quantative Commodity Research กล่าวว่า ข่าวที่สหรัฐฯประกาศห้ามนักลงทุนสหรัฐฯทำการลงทุนในจีน หรือการจำกัดบริษัทจีนในการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ก็ดูเหมือนทั้งหมดนนี้จะเป็นสัญญาณให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วสหรัฐฯต้องการทำข้อตกลงกับจีนหรือไม่
· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่การฟื้นตัวของหุ้นยุโรป หลังผลตอบแทนภาคบริษัทออกมาดีขึ้นก็ดูจะจำกัดการปรับขึ้นของทองคำบางส่วน แต่ความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุนยังคงเปราะบางก่อนการเจรจา Trade War และความไม่แน่ชัดต่อกรณี Brexit
· นักลงทุนบางราย มองว่ามีความเสี่ยงในระดับค่อนข้างสูงที่รัฐบาลอังกฤษจะมีทิศทางเป็น Hard Brexit และในสถานการณ์แบบนี้ ก็มักส่งผลให้นักลงทุนเลือกถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ และจะส่งผลให้ทองคำแตะ 1,550 เหรียญ หรือ 1,600 เหรียญได้ หากเกิดภาวะ Hard Brexit ร่วมด้วย
· กองทุนทองคำ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 923.76 ตัน ตลอดช่วง 6 วันทำการ
· รายงานจากหนังสือพิมพ์ Times ระบุว่า อียูพร้อมจะทำข้อตกลงหลักๆกับทางอียู โดยเสนอกลไกรัฐสภาไอร์แลนด์เหนือใหม่หลังการออกจากอียู
· นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของกองทุน ETF แม้ว่าราคาจะมีการอ่อนตัวลงมาแถว 1,500 เหรียญ แต่ก็ยังอยากจะเห็นราคาหลุดต่ำกว่านี้มากนัก และเราเชื่อว่าราคาทองคำยังมีปัจจัยสนับสนุนที่ดี