• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2562

    11 ตุลาคม 2562 | Economic News
 



· ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นทำสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบดอลลาร์ โดยมีอัตราเปอร์เซ็นรายวันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน จากความหวังที่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหา Brexit ได้ โดยค่าเงินปอนด์ล่าสุดปรับขึ้น 1.9% ที่ระดับ 1.2447 ดอลลาร์/ปอนด์


เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ กล่าวว่าข้อตกลง Brexit อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ หลังจากที่มีสัญญาณบวกในการเจรจาร่วมกับนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งประเทศไอร์แลนด์ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ Brexit ยืดเยื้อเป็นเวลานาน

ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงระดับวันมากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยปิด -0.4% ที่ระดับ 98.7 จุด และเป็นการร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ทางด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าลงทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ โดยปิด -0.4% ที่ 107.89 เยน/ดอลลาร์

· ตัวแทนเจรจาระดับสูงระหว่างสหรัฐฯและจีนเริ่มต้นพบกันในการเจรจาการค้าเป็นวันแรกเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการกลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้งในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางกลุ่มภาคธุรกิจที่แสดงความคิดเห็นเชิงบวกว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างกันที่เกิดมาเป็นระยะเวลา 15 เดือน ประกอบกับอาจเห็นสหรัฐฯเลื่อนการขึ้นภาษีรอบใหม่จีนในสัปดาห์หน้า

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจากับจีนค่อนข้างเป็นไปด้วยดีอย่างมาก และกล่าวย้ำว่า เขามีแผนจะพบกับนายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนที่ทำเนียบขาวต่อในวันศุกร์นี้ และนั่นถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาด

· นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส ไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะก้าวสู่ภาวะถดถอย แต่ภาพรวมทางเศรษฐกิจก็ควรรับมือด้วยการปรับลดดอกเบี้ยต่อ เนื่องจากเขาคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังสามารถขยายตัวได้ แต่ไม่ถึงกับเข้าสู่ภาวะถดถอยแม้ว่าจะมีความเสี่ยงขาลงที่กำลังเพิ่มขึ้นก็ตาม

· นายลีโอ วาราดคาร์ นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ แสดงความเชื่อมั่นว่าข้อตกลง Brexit จะสามารถบรรลุได้ภายในวันที่ 31 ต.ค. หลังจากที่เขามีการประชุมร่วมกับนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่เขายกให้การประชุมร่วมกันที่ดี

ขณะที่ถ้อยแถลงร่วมระหว่างนายลีโอและนายบอริส ทั้งสองผู้นำแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit ได้ และระบุว่า นายไมเคิล บาร์เนีย ตัวแทนเจรจา Brexit จากอียู และนายสตีฟ บาร์คเลย์ ตัวแทนเจรจาของอังกฤษ มีกำหนดการจะเจรจาร่วมกันอีกครั้งในวันศุกร์นี้

· ธนาคารกลางไอร์แลนด์ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไอร์แลนด์ปีหน้าลงสู่ระดับ 0.8% พร้อมระบุว่า No-deal Brexit จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ให้กับเศรษฐกิจ สอดคล้องกับคาดการณ์ของภาครัฐที่ประเมินว่า No-deal Brexit เป็นกรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นท่ามกลางสัญญาณที่ว่ากล่มโอเปกจะหาทางเลือกทั้งหมดเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อสร้างสมดุลให้แก่ตลาดน้ำมัน และในการประชุมเดือนธ.ค. ก็ดูจะเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องอุปทานน้ำมันปีหน้า

นายโมฮัมเม็ด บาร์กินโด หัวหน้าผู้นำกลุ่มผู้ส่งออกไม่ได้ระบุว่าหากมีการเคลื่อนไหวใดๆจะรวมถึงการขยายข้อตกลงถึงระยะเวลาการปรับลดการผลิตน้ำมันเพื่อรักษาเสถียรภาพทางราคาหรือไม่ ขณะที่ตลาดน้ำมันก็ดูจะรอคอยทิศทางการเจรจาสหรัฐฯและจีนอยู่


น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 90 เซนต์ หรือ +1.5% ที่ระดับ 59.21 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 96 เซนต์ หรือ +1.8% ที่ระดับ 53.55 เหรียญ/บาร์เรล



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความหวังว่า เขาจะสามารถเป็นตัวกลางช่วยสานความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีและชาวเคิร์ด หลังเกิดเหตุตุรกีโจมตีชาวเคิร์ดที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย


โดยนายทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯมีตัวเลือก 3 ทางสำหรับกรณีนี้ คือ 1) ส่งกำลังทหารเข้าไปเพิ่ม และเอาชนะทางการทหาร 2) กดดันตุรกีด้วยนโยบายคว่ำบาตรทางการเงินอย่างหนัก และ 3) เป็นตัวกลางช่วยสานความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีและชาวเคิร์ด




บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com