· รายงานจาก CNBC เผยข้อมูลจากแหล่งข่าววงใน ที่ระบุว่า จีนต้องการเจรจากับสหรัฐฯเพิ่มก่อนทำการลงนามกับนายทรัมป์ ที่เขาเรียกข้อตกลงเฟสแรกระหว่างสองประเทศ ซึ่งก็ไม่ชัดเจนว่าการเจรจาครั้งต่อไปนี้จะเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ หรือ จีน แต่ทีมตัวแทนเจรจาการค้าของจีน นำโดย นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน อาจส่งสารดังกล่าวก่อนสิ้นเดือนนี้
ขณะที่รายงานจาก Bloomberg ถือเป็นเจ้าแรกที่เผยว่า จีนต้องการให้สหรัฐฯเลื่อนการขึ้นภาษีที่มีกกำหนดการในเดือนธ.ค. ออกไปด้วย
ทั้งนี้ การเจรจาในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ นายทรัมป์ เผยว่า การเจรจาทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยดีและอาจเกิดข้อตกลงเฟสแรก โดยจีนจะเพิ่มมาตรการเกี่ยวกับเรื่อทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งการที่จีนจะเข้าซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 4 – 5 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่สหรัฐฯจะไม่ทำการขึ้นภาษีจีนครั้งใหม่ที่มีกำหนดการในวันนี้
· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากที่อ่อนตัวลงไปในช่วงสองวันทำการจากความต้องการดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven ที่ลดลงไป จากความเป็นไปได้ของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูลดน้อยลงไป ประกอบกับนักลงทุนในตลาดให้ความสนใจกับการหารือ Brexit
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ค่าเงินเยนและสวิสก์ฟรังก์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่อาจช่วยยุติ Trade War ได้ และก็มีการชะลอการขึ้นภาษีที่จะเริ่มมีผลในวันนี้ออกไปก่อน
แต่รายงานจาก Bloomberg ที่ระบุว่า จีนต้องการหารือข้อตกลงกับสหรัฐฯเพิ่มเติมโดยเร็วที่สุดภายในสิ้นเดือนนี้เกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลงเฟสแรก ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า การขึ้นภาษีจีนรอบใหม่อาจเกิดขึ้นได้หากจีนยังไม่สามารถเริ่มต้นบรรลุข้อตกลงกับทางสหรัฐฯ แต่เขาก็คาดหวังว่าข้อตกลงจะเกิดขึ้นด้วยดี
สำหรับข้อตกลง Brexit ก็ยังไม่มีความแน่นอนอยู่ หลังจากที่ทีมเจรจาทางการทูตจากอียูต้องการหารือเพิ่มเติมกับ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พร้อมกล่าวว่า ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ยังไม่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้ในสัปดาห์นี้
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ระดับ 98.468 จุด โดยเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ในคืนวันศุกร์ ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่ากลับลงมา 0.1% ที่ระดับ 108.36 เยน/ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ภาพรวมของปริมาณการซื้อขายในตลาดค่อนข้างเบาบางเนื่องจากเมื่อวานตลาดญี่ปุ่นปิดทำการในวันหยุดประจำชาติ ขณะที่สหรัฐฯเป็นวันหยุด Columbus Day
ค่าเงินปอนด์ ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร จากความไม่แนอนของ Brexit ที่อาจใช้เวลานานก่อนจะเกิดข้อตกลง Brexit ได้
· รายงานจากรอยเตอร์สล่าสุด เผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธ แห่งอังกฤษ มีพระราชโองการให้กลับมาเปิดรัฐสภาอังกฤษอีกครั้ง พร้อมกำหนดวาระการประชุมให้แก่ นายบอริส จอห์นสัน และรัฐบาลของเขา อันเกี่ยวเนื่องไปด้วยเรื่องของกำหนดเส้นตาย Brexit ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ รวมไปถึงข้อตกลงฉบับใหม่กับทางอียู และการกำหนดนโยบายภายในประเทศเกี่ยวกับผู้ได้รับเสียงข้างมากจากผลการเลือกตั้ง
· นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการลงนามคำสั่งฉุกเฉินต่อการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของตุรกี พร้อมกับจะทำการขึ้นภาษีเหล็กของตุรกีอีก 50% โดยมีผลในทันที พร้อมกับระงับการเจรจาการค้าใดๆกับทางตุรกีด้วย
การประกาศใช้มาตรการดังกล่าวของนายทรัมป์ เกิดขึ้นหลังจากที่นายทรัมป์ได้ตัดสินใจถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ซีเรียทางตอนเหนือที่ติดกับพรมแดนตุรกี และนั่นทำให้ตุรกีมีการใช้กำลังทางการทหารอีกครั้งไปยังกองกำลังชาวเคิร์ดในซีเรีย
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงกว่า 2% ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่อาจอยู่ภายใต้แรงกดดันจากรายละเอียดข้อตกลงเพียงเล็กน้อยสำหรับเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนในการแก้ไขปัญหาสงครามการค้า
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า แม้ว่าความหวังของข้อตกลงการค้าดูจะลดน้อยลงไป ประกอบกับตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับ Brexit ที่ดูจะเป็นปัจจัยจุดประกายการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 1.16 เหรียญ หรือ -1.92% ที่ระดับ 59.35 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ WTI ปิดปรับลง 1.11 เหรียญ หรือ -2.03% ที่ระดับ 53.59 เหรียญ/บาร์เรล