MTS Help Center

· ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัว ท่ามกลางแรงกดดันจากมุมมองเชิงบวกที่มีต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเริ่มผ่อนคลายลงไป ขณะที่ตลาดหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการเจรจา Brexit ที่เข้าใกล้กำหนดการถอนตัวของอังกฤษในสิ้นเดือนนี้เข้าไปทุกขณะ

ราคาทองคำย่อตัวลงประมาณ 0.1% แถว 1,490.70 เหรียญ ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.2% แถว 1,494.80 เหรียญ

นักวิเคราะห์จาก CMC Markets ระบุว่า ฝั่งสินทรัพย์เสี่ยงได้รับแรงหนุนจากสัญญาณบวกของการเจรจา แต่หลังจากข่าวที่ว่าจีนยังต้องการเจรจากับสหรัฐฯในรอบต่อไป ก่อนที่จะตัดสินใจลงนามในข้อตกลง เป็นข่าวที่ค่อนข้างสร้างความผิดหวังให้กับตลาด

· รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า จีนต้องการเจรจากับสหรัฐฯเพิ่มภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อพยายามสรุปรายละเอียดของข้อตกลงในเฟสที่ 1 ให้ได้ภายในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะร่วมลงนามกับผู้นำสหรัฐฯ

ตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนที่ประกาศออกมาค่อนข้างซบเซา ยิ่งตอกย้ำกระแสคาดการณ์ว่าจะเห็นธนาคารกลางออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มส โดยล่าสุด ดัชนีราคาผู้ผลิตในจีนชะลอตัวลงท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้า ด้วยอัตราชะลอตัวที่มากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฝั่งสหรัฐฯมีการชี้แจงรายละเอียดของข้อตกลงการค้าในเฟสที่ 1 และประกาศระงับการขึ้นภาษีสินค้าจีนที่มีกำหนดไว้ในสัปดาห์นี้ แต่ภาษีที่ถูกขึ้นไปก่อนหน้าจะยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ และทั้งสองฝ่ายยังมีประเด็นที่ต้องร่วมกันแก้ไขอยู่อีกมาก จนกว่าจะสามารถร่วมกันลงนามในข้อตกลงการค้าได้

· ตลาดหุ้นเอเชียและอนุพันธ์ซื้อชายดัชนีหุ้นสหรัฐฯล่วงหน้าต่างปรับสูงขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางความหวังว่าอังกฤษจะสามารถหลีกเลี่ยงการถอนตัวออกจากอียูแบบปราศจากข้อตกลงได้

· บรรดาตัวแทนจากอังกฤษและอียูจะมีการประชุมสำคัญร่วมกันภายในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ซึ่งน่าจะเป็นการประชุมที่ตัดสินว่าอังกฤษจะสามารถหาข้อตกลง Brexit ร่วมกับอียูได้หรือไม่

นักวิเคราะห์จาก DailyFx มีมุมมองว่า ราคาทองคำในช่วงสัปดาห์นี้ น่าจะเคลื่อนไหวโดยมีประเด็น Brexit เป็นปัจจัยหลัก

· ขณะที่ตลาดยังคงมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าที่เฟดคาดการณ์เองเช่นเดิม โดยตลาดจะจับตาการประชุมเฟดปลายเดือนนี้ เพื่อดูว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนนี้หรืออาจไปปรับลดดอกเบี้ยอีกทีในเดือน ธ.ค.

· Gold technical analysis: ราคาทองคำมีโอกาสหลุดเทรนขาขึ้นระยะยาว

นักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่า ราคาทองคำกำลังเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 21 และ 50 วัน รวมถึงต่ำกว่าระดับต่ำสุดของวันที่ 7 ต.ค. โดยราคาจะมีแนวรับสำคัญที่ 1,480 เหรียญ หากหลุดลงมาจะมีโอกาสย่อตัวลงไปถึง 1,400 เหรียญ สำหรับฝั่งขาขึ้น ราคาจะมีแนวต้านที่ 1,500 เหรียญ หากปิดตลาดเหนือระดับนี้ได้ จะมีโอกาสกลับขึ้นไปแถว 1,520 และ 1,535 เหรียญ



· ผลสำรวจ Kitco สะท้อนว่า บรรดานักเก็งกำไรในตลาดส่วนใหญ่กว่า 47% มองว่าทองคำเป็นขาขึ้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่กว่า 59% ก็เชื่อว่าสัปดาห์นี้ทองคำเป็นขาขึ้นเช่นกัน

หัวหน้าฝ่าย Trading ประจำ MKS SA คาดว่า ระยะสั้นราคาทองคำจะผันผวนไร้ทิศทางในกรอบ 1,480 - 1,520 เหรียญ หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังขาดความชัดเจน

กรรมการผู้จัดการประจำ Forexlive.com กล่าวว่า ราคาทองคำดูเหมือนจะสร้างฐานระหว่าง 1,480 เหรียญและ 1,510 เหรียญตามลำดับ เนื่องจากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจไร้ความชัดเจนหรือไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้

· นายแกรี แว็กเนอร์ บรรณาธิการ thegoldforecast.com กล่าวว่า ราคาทองคำมีเป้ามหมายที่ระดับราคา 1,650 - 1,700 เหรียญในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่จะเป็นตัวผลักดันให้ราคาทองคำไปอย่างถูกทางด้วย ซึ่งจะเห็นว่าเหตุการณ์ส่วนใหญ่ ณ ปัจจุบัน เป็นเหตุการณ์ใหญ่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ได้ของ Trade War โดยหากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็ดูจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า Trade War ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดวัฎจักรการดำเนินนโยบายการเงินครั้งใหม่ ที่อาจรวมถึงเรื่องการใช้ QE แต่เฟดก็ดูจะยังไม่ตัดสินใจมากว่าจะใช้เม็ดเงินมาอัดฉีดระบบการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องเป็นจำนวนมากเท่าใด

· นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered Bank กล่าวว่า ราคาทองคำดูจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น และม่ีค่าเฉลี่ยช่วงสิ้นปีของราคาที่ 1,510 เหรียญ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หรือแม้แต่การกลับมาใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของเฟด

โดยในรายงานของ Standard Chartered Bank ยังระบุว่า ความต้องการทองคำอาจจะอ่อนแรงลงในบางช่วย แต่ก็ได้จุดความน่าสนใจให้แก่นักลงทุนเข้าซื้อในระดับราคาที่ทรงตัว ทางด้าน ETP มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่มทำระดับสูงสุดใหม่ ทางด้านการถือครองสถานะ Short ใน GLD ก็ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค. ปี 2017

อย่างไรก็ดี ภาพรวมของตลาดตอบรับกับโอกาสที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค.นี้ โดยเพิ่มขึ้นจากแถว 40% กลับมายืนเหนือ 60% ในช่วงที่ข้อมูล ISM ออกมาแย่กว่าที่คาด และ ณ ขณะนี้ตลาดมองโอกาสความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นมาที่ 80% อันเป็นผลจากความเสี่ยงของความตึงเครียดทางการเมือง รวมไปถึง Brexit และตึงเครียดทางการค้าท่ี่ดูจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ทองคำมีความน่าสนใจ

· ราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้นทำระดับสูงสุดที่ 1,726.74 เหรียญ ท่ามกลางภาวะขาดแคลนอุปทานพลาเดียมที่เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาพลาเดียมในปีนี้ปรับสูงขึ้นมากว่า 36%

ด้านราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.2% แถว 17.61 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปรับลดลง 0.1% แถว 891.77 เหรียญ