· ราคาทองคำอ่อนตัวลง โดยราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.3% ที่ระดับ 1,485 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.
ค. ปิด -0.4% ที่ 1,488.1 เหรียญ ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์
เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับตลาดรอความชั
ดเจนจากเฟดเกี่ยวกับความเป็
นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยในปี
นี้
กองทุนทองคำ SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิมที่ 924.64 ตัน
· นักกลยุทธ์จาก TD Securities มองว่า ทิศทางตลาดหุ้นค่อนข้างไปด้วยดี อันจะเห็นได้จากความต้องการสิ
นทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน เราจะเห็นได้ถึงการรีบาวน์ของค่
าเงินดอลลาร์ ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบั
ตรอายุ 2 ปีที่ปรับตัวสูงขึ้นจึงกดดันทอง
ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิามขึ้นจากความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับความหวังที่จะเห็นการแก้ไขปัญหาสงครามการค้าที่ยืดเยื้อของสหรัฐฯและจีน รวมทั้งอังกฤษเลี่ยงการออกจากอียูไปก่อน
· แม้ดอลลาร์จะรีบาวน์ แต่ภาพรวมเดือนนี้ถือว่าเป็นเดื
อนที่อ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้
งแต่ม.ค. ปี 2018 เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่
วนใหญ่
· นักวิเคราะห์ยังระบุอีกว่า ตลาดยังให้ความสำคัญกับการดำเนิ
นนโยบายของเฟดอย่างต่อเนื่
องในปีนี้ ท่ามกลางกระแสบางส่วนที่มองว่
าเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นไปด้วยดี
มากขึ้น จากบรรดาสมาชิกเฟดที่ให้ความเห็
นในเรื่องการปรับลดดอกเบี้ย และมุมมองเกี่ยวกับปีหน้าอาจไม่
มีการขึ้นดอกเบี้ยต่อ
· อย่างไรก็ดี ราคาทองคำปีนี้ปรับขึ้นมาได้
ประมาณ 16% จากปัจจัยหลักที่เข้ามาสนับสนุ
นต่างๆ ทั้งความหวังเรื่องการลดดอกเบี้
ยของเฟด แต่ล่าสุดการที่สมาชิกเฟดส่งสั
ญญาณผสมผสานกัน และดูเหมือนจะมีความไม่ชัดเจนว่
าจะสนับสนุนการลดดอกเบี้ยต่อหรื
อไม่
· รายงานจาก Reuters สะท้อนถึงมุ
มมองของบรรดาเทรดเดอร์กว่า 87% ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมช่วงสิ้นเดือนนี้
· นักกลยุทธ์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ปัจจัยที่จะมาขับเคลื่
อนทองคำเวลานี้คือเฟดและสิ่งที่
พวกเขาจะทำต่อไป หรือการปรับลดดอกเบี้ยนั่นเอง
· รายงานจาก CFTC ชี้ว่า บรรดาเฮดจ์ฟันด์ และกลุ่มผู้จัดการกองทุนมี
การลดสถานะในทองคำและซิลเวอร์
ของตลาด COMEX ลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
· ราคาซิลเวอร์ปิด -0.1% ที่ 17.56 เหรียญ ขณะที่แพลทินัมปิด -0.2% ที่ 887.09 เหรียญ และพลาเดียมปิด +0.1% ที่ระดับ 1,756.55 เหรียญ หลังทำ All Time High ที่ 1,783.21 เหรียญในสัปดาห์ที่แล้ว
ANZ Bank เผย อัตราการขายพลาเดียมพุ่งขึ้
นทำระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนม.ค. จึงสะท้อนถึงการปรับขึ้
นของพลาเดียมว่าเป็นผลมาจากปั
จจัยพื้นฐาน แต่ตลาดก็ดูจะมีความตึงตัวเพิ่
มขึ้นในอนาคต และเชื่อว่ามาโอกาสเห็นพลาเดี
ยมปรับขึ้นได้อีก