• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2562

    22 ตุลาคม 2562 | Economic News

· สัญญาณที่ว่าสหรัฐฯและจีนมีความคืบหน้ากันในความพยายามแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางการค้าดูจะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินสกุลในกลุ่มประเทศเอเชียให้แข็งค่า ทางด้านค่าเงินแคนาดาดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามโพลผลสำรวจการเลือกตั้ง

ค่าเงินปอนด์ผันผวนต่ำกว่าระดับสูงสุดรอบ 5 เดือนครึ่งบริเวณ 1.2962 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ประเด็น Brexit ยังมีความสับสนอยู่บ้าง โดยตลาดให้ความสำคัญกับการลงมติเพื่อก้าวต่อไปของทางรัฐสภาอังกฤษคืนนี้

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การดำเนินงานร่วมกับจีนเป็นไปด้วยดี ขณะที่ นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาวเผย กำหนดการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนช่วงเดือน ธ.ค. อาจเพิกถอนออกไปได้ หากมีความคืบหน้าในการเจรจามากขึ้น

ขณะเดียวกัน นายวิลเบอ รอส รัฐมนตรีกระทวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อตกลงในเดือนหน้าจะยังไม่ใช่ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ เพราะประเด็นด้านความมั่นคงยังมีอยู่น้อยเพื่อให้เกิดข้อตกลงที่ถูกต้อง ตามที่ นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่าจีนต้องการเจรจาเพิ่ม

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัว โดยดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 97.304 จุด ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าแนว 108.58 เยน/ดอลลาร์ สำหรับยูโรอ่อนค่าเล็กน้อยมาทรงตัวที่ 1.1148 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านค่าเงินแคนาดาดอลลาร์เรียกได้ว่ามีภาพรวมดีที่สุดในกลุ่มค่าเงิน G10 โดยทำแข็งค่ามากสุดรอบ 3 เดือนที่ 1.3082 แคนาดาดอลลาร์ หลังใกล้ทราบผลเลือกตั้ง โดยโพลล์แรกชี้นายจัสติน ทรูโด มีสิทธิ์คว้าชัยการเลือกตั้งครั้งนี้เมื่อเทียบกับคะแนนนิยมของทางฝ่ายค้านพรรคอนุรักษ์นิยม

เงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.2969 ดอลลาร์/ปอนด์ จากความคืบหน้ากรณี Brexit ท่ามกลางนายบอริส จอห์นสัน นายกฯอังกฤษที่พยายามผลักดันข้อตกลงตั้งแต่ปลายสัปดาห์แต่ก็ยังถูกปฏิเสธจากรัฐสภาอังกฤษ และเขาจะกลับมาหาทางแก้ไขเพื่อให้ผ่านความเห็นชอบจากบรรดาสมาชิกรัฐสภาอีกครั้งในคืนนี้ เพื่อหาข้อสรุปหรือความคืบหน้าได้ภายในกรอบเวลาที่กำหนด


· ผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีแคนาดา ผลออกมาพบว่า นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ยังสามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ แต่ด้วยจำนวนที่นั่งของฝ่ายเดียวกันในรัฐสภาที่ลดน้อยลงจนกลายฝ่ายเสียงข้างน้อย ท่ามกลางความเชื่อมั่นในตัวนายจัสตินที่ลดลงจากข่าวฉาวก่อนหน้านี้

· กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีแห่งประเทศจีนระบุว่า ทางรัฐบาลจะมีการจับตาบริษัทสหรัฐฯที่อยู่รายชื่อ “เฝ้าระวัง” อย่างใกล้ชิด โดยบรรดาบริษัทในรายชื่อดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่บริษัทจีนบางส่วนถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ และจีนก็จะมีมาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของจีนเอง

· รายงานจาก The Guardian ระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะพยายามผลักดันเชิงบังคับให้รัฐสภาทำการลงมติข้อตกลง Brexit อีกครั้ง โดยหากอังกฤษสามารถลงมติข้อตกลงผ่านไปได้ก่อนถึงวันที่ 31 ต.ค. ก็ยังถือว่าอังกฤษถอนตัวออกจากอียูตามกำหนดการเดิม

ในขณะเดียวกัน เริ่มเกิดกระแสคาดการณ์ว่านายบอริสจะผลักดันให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าข้อตกลง Brexit ของเขาจะผ่านการลงมติไปได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Reuters ระบุว่า ยังมีความเสี่ยงที่ข้อตกลง Brexit จะถูกปฏิเสธโดยฝ่ายค้านในรัฐสภาอังกฤษ แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐสภาจะสามารถทำการลงมติภายในคืนนี้ได้หรือไม่

· รองรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในรอบที่ผ่านมา มีความคืบหน้าที่ดี พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ทั้งสองประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ ตราบใดที่แต่ละฝ่ายยังคงให้เกียรติกันและกัน และไม่มีประเทศในโลกที่จะรุ่งเรืองได้ด้วยตัวเอง หากปราศจากการทำงานร่วมกับประเทศอื่น

· นักวิเคราะห์จาก Nomura คาดการณ์ว่า ค่าเงินหยวนจะยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 7 หยวน/ดอลลาร์ และน่าจะมีการแกว่งตัวไม่เกิน 0.50% จากระดับปัจจุบันที่ 7.0750 หยวน/ดอลลาร์ จนกว่าจะมีความชัดเจนของการลงนามในข้อตกลง “ชั่วคราว” หรือเฟสที่ 1 ระหว่างสหรัฐฯและจีน ในการประชุม APEC กลางเดือน พ.ย. โดยหากเกิดการลงนามในข้อตกลงขึ้นจริง คาดว่าค่าเงินหยวนน่าจะแข็งค่ามาลงมาที่บริเวณ 7.00 หยวน/ดอลลาร์ลงมา

ทั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ต่างถูกคาดการณ์ว่า ทั้งสองจะเข้าร่วมการประชุม APEC ที่จะขึ้น ณ ประเทศชิลี วันที่ 16-17 พ.ย.


· ที่ปรึกษาประจำตัวประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่า มีความเป็นไปที่ นายมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จะพบกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกรอบการประชุม APEC วันที่ 16-17 พ.ย. นี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาทางการค้าของทั้งสองประเทศ แต่การประชุมดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น หากญี่ปุ่นยังไม่มีการดำเนินการที่ชัดเจน เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการกดขี่แรงงานชาวเกาหลีใต้ในสมัยสงครามโลก รวมถึงยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้

· บรรดาเทรดเดอร์มองโอกาสเฟดหั่นดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า จากข้อมูลภาคการผลิตที่เข้ากดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ

เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ชี้ว่า มีโอกาส 91% ที่จะเห็นเฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้อีก 0.25% ในการประชุมช่วงสิ้นเดือนนี้ ท่ามกลางการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกเฟดบางส่วนที่สะท้อนถึงสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3

นายริชาร์ด แคลริด้า รองประธานเฟดยังส่งสัญญาณชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีหลักฐานบางส่วนสะท้อนถึงความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในรอบ 11 ปี ขณะที่ภาคธุรกิจและการลงทุนมีการชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะที่ยอดส่งออกหดตัวเมื่อเทียบรายปี และมีสัญญาณชี้ถึงภาคการผลิตที่กำลังอ่อนตัว

· นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบีในวันพฤหัสบดีนี้มีแนวโน้มจะมีการกล่าวถึงการกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ใหม่อีกครั้งหลังจากที่ส่งสัญญาณในการประชุมเดือนก.ย.ที่ผ่านมาที่ตัดสินใจหั่นดอกเบี้ยลง และกลับเข้าซื้อสินทรัพย์อีกครั้งเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจยูโรโซน โดยไม่มีการประกาศคาดการณ์ทางเศรษฐกิจหลักใดๆ

ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่าการประชุมวันพฤหัสบดีนี้อาจเป็นการอำลาตำแหน่งของนายดรากี้ ประธานอีซีบี ที่ดำรงตำแหน่งมายาวนาน 8 ปี โดยจะหมดวาระในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แต่ทางอีซีบีน่าจะมีแนวโน้มถึงประเด็นคำถามเกี่ยวกับผลกระทบของการดำเนินนโยบายล่าสุดที่อาจส่งผลให้เงินเฟ้ออ่อนตัว

· ราคาน้ำมันดิบค่อนข้างทรงตัววันนี้ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ดูจะบั่นทอนอุปสงค์น้ำมัน จึงบดบังสัญญาณบวกจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน

น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 6 เซนต์ หรือ -0.1% ที่ระดับ 58.9 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ WTI ทรงตัวแนว 53.31 เหรียญ/บาร์เรล

เมื่อวานนี้ตลาดตอบรับข่าวเชิงบวกของการเจรจาการค้า หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯพูดถึงความพยายามที่จะยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ควบคู่กับการเจรจาของทั้งสองประเทศที่พยายามบรรลุข้อตกลงเฟส 1 ร่วมกันเพื่อให้ผู้นำทั้ง 2 ประเทศสามารถลงนามพร้อมกันได้ในการประชุม APEC เดือนพ.ย. นี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com