· ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้นตอบรับการประกาศรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบรรดาภาคบริษัทเทคโนโลยี แต่ผลประกอบการบริษัท 3M ที่ออกมาแย่ได้ฉุดให้ดาวโจนส์อ่อนตัว โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลง 28.42 จุด หรือ -0.11% ที่ระดับ 26,805.53 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.19% ที่ระดับ 3,010.29 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.81% ที่ระดับ 8,185.8 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้น ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่คาดหวังต่อการจะเห็นการขยายเวลา Brexit โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +0.6%
เมื่อวานนี้ IHS Markit เผยข้อมูลภาคบริการ PMI ของยูโรโซนเดือนต.ค. ออกมาแย่กว่าที่คาดที่ระดับ 51.8 จุด ขณะที่ภาคการผลิตออกมาแตะ 45.7 จุด แต่ข้อมูลผลประกอบการบริษัทที่ออกมาดีขึ้นก็ดูจะช่วยชดเชยกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาแย่กว่าที่คาดได้
· ตลาดเอเชียซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนกำลังรอสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนและความไม่แน่นอนในข้อตกลง Brexit
โดยเช้านี้ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.13% ขณะที่ดัชนี Topix ปรับตัวสูงขึ้น ด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ลดลง 0.14% ขณะที่ดัชนี ASX200 ออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.64% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระหว่าง 30.20-30.3 บาท/ดอลลาร์
- กระทรวงการคลังของไทย เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในปีงบประมาณ 62 (ต.ค.61 - ก.ย.) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 2,538,432 ล้านบาท ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,043,177 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 348,978 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนก.ย. 62 มีจำนวนทั้งสิ้น 512,955 ล้านบาท
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาส 4/62 จะขยายตัวได้ 3.5% ดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมาและคาดว่าทั้งปีเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.8% จากผลของการปลดล็อคความไม่แน่นอนเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี 63 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงท้ายปี พร้อมคาดว่าภายในปีนี้มีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ยลงไปอยู่ที่ 1.25% ส่วนเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องไปจนถึงปี 63 โดยมองว่าช่วง H1/63 เงินบาทจะแข็งค่าแตะ 29.70 บาท/ดอลลาร์ และสิ้นปี 63 อยู่ที่ระดับ 29.20-29.30 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแข็งค่าสุดในรอบมากกว่า 5 ปี