MTS Help Center

· ราคาพลาเดียมพุ่งขึ้นแตะ 1,800 เหรียญได้เป็นครั้งแรก โดยยังคงทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างต่อเนื่องจากภาวะการปรับตัวลงของอุปทาน ขณะที่ราคาทองคำปรับลงเกือบ 1% จากสัญญาณเชิงบวกของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่หนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น

· ราคาพลาเดียมปิด +2.1% ที่ระดับ 1,800.84 เหรียญ โดยตลาดไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์บริเวณ 1,808.81 เหรียญ และภาพรวมปีนี้ปรับตัวขึ้นไปแล้วประมาณ 43%

· หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายการซื้อขายจาก BMO กล่าวว่า ราคาพลาเดียมมีโอกาสแตะ 2,000 เหรียญได้ในปีหน้า แต่การปรับขึ้นดังกล่าวก็อาจไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นนัก

· ผลสำรวจจาก Reuters แสดงให้เห็นว่า ภาวะอุปทานที่ปรับตัวลงจึงทำให้เราเห็นค่าพรีเมียมของแพลทินัมสูงกว่าของแพลทินัมได้ในปีหน้า โดยความแตกต่างในการนำโลหะมีค่าทั้งสองชนิดมาใช้ในการผลิตรถยนต์นั้น จะเห็นว่าแพลทินัมมักถูกใช้กับกลุ่มพลังงานดีเซล ขณะที่พลาเดียมถูกใช้ในกลุ่มพลังงานแก๊สโซลีน

· ราคาแพลทินัมปิด -1% ที่ระดับ 917.39 เหรียญ

· ราคาทองคำหลุด 1,500 เหรียญอีกครั้ง โดยปิดปรับตัวลง 0.8% ที่ระดับ 1,492.17 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.6% ที่ระดับ 1,495.8 เหรียญ

· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ความเชื่อมั่นในสภาวะ Risk-On ดูจะทำให้นักลงทุนก้าวออกจากการลุงทนในสินทรัพย์ปลอดภัย และหันกลับสู่ตลาดหุ้นแทน โดยจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯยังมีการปรับตัวสูงขึ้น และดัชนี S&P500 ยังคงทำสูงสุดใหม่ อันเป็นผลจากความคืบหน้าสงครามการค้าและผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดี ทั้งทองคำและซิลเวอร์ระยะสั้นมีระดับราคาเป็นขาขึ้น โดยภาพรวมทางเทคนิคเป็นสภาวะขาขึ้น จึงช่วยจำกัดแรงเทขายได้บ้าง

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดหวังที่จะลงนามข้อตกลงได้ก่อนกำหนด หลังบรรดาเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศต่างยืนยันถึงการเข้าใกล้บรรลุขั้นสุดท้ายของข้อตกลงเฟสแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

· ผลสำรวจจาก Reuters ชี้ว่า ภาวะเปราะบางของเศรษฐกิจโลกดูจะกดดันให้อัตราดอกเบี้ยต้องอยู่ในระดับต่ำและนั่นเป็นผลนัยยะต่อทองคำในการรปรับตัวขึ้น ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์ส่วนใหญ่รอผลประชุมเฟดระหว่าง 29-30 ต.ค.นี้ ซึ่งคาดจะเห็นเฟดทำการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ของปี

· นักวิเคราะห์จาก Kitco ระบุว่า หากเฟดเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงิน และสร้างเซอร์ไพร์สแก่ตลาดบางส่วนก็มีโอกาสเห็นทองขึ้นได้ต่อ แต่หากเฟดเลือกที่จะส่งสัญญาณคุมเข้มก็จะดูจะสะท้อนว่าอาจไม่เห็นการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง และนั่นจะเป็นปัจจัยที่กดดันทองคำ

· นักวิเคราะห์โลหะมีค่าของ Standard Chartered มองว่า ตลาดทองคำตอบรับคาดการณ์ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ แต่ท่าทีคุมเข้มของเฟดก็มีโอกาสเห็นเฟดเคลื่อนไหวได้แถว 1,500 เหรียญ โดยสถานะการลงทุนในทองคำเวลานี้ค่อนข้างเบาบาง ก่อนหน้าประชุมเฟดช่วง 2 วัน และถึงแม้เฟดจะมีการตัดสินใจใดๆ แต่ความตึงเครียดทางการเมืองที่มีอยู่เวลานี้ก็ดูจะเพียงพอให้ราคาเคลื่อนไหวแนว 1,500 เหรียญ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งอังกฤษ, Brexit และตึงเครียดตะวันออกกลาง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตลาดทองคำให้ความสำคัญ และมีโอกาสหนุนความต้องการลงทุนได้ และเราเชื่อว่าจะเห็นเศรษฐกิจโลกมีทิศทางชะลอตัว ควบคู่กับแนวโน้มเงินเฟ้อที่อ่อนแอ จึงทำให้สมาชิกเฟดเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้ ขณะที่เดือนธ.ค. ก็มีโอกาสที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยเช่นกัน แต่ถึงแม้จะเห็นทองคำปรับลง ก็มีโอกาสจะยืนได้เหนือ 1,450 เหรียญ

· นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มองว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองจะเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำในระยะยาว และคาดว่ามีโอกาสเห็นทองคำแถวระดับราคา 1,600 เหรียญในอีก 6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนระดับมหพภาคมีแนวโน้มที่จะยังไม่สามารถแก้ไขได้โดยเร็ว และสิ่งนี้จะเป็นสิ่งเร้าในภาคการงทุน จึงจะทำให้เราเห็นราคาทองคำปรับขึ้นได้

· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 918.48 ตัน

· ราคาซิลเวอร์ปิด -0.9% ที่ระดับ 17.86 เหรียญ