· ดัชนีดาวโจนส์ปิด -20.04 จุด หรือ -0.07% ที่ระดับ 27,070.68 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด -0.08% ที่ 3,036.88 จุด และ Nasdaq ปิด -0.59% ที่ระดับ 8,276.85 จุด
ทั้งนี้ ดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวลดลงหลังจากที่ปรับขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา โดยอ่อนตัวจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันอังคาร โดยกลุ่มนักลงทุนจับตายังรายงานผลประกอบการ และความคืบหน้าจากความเป็นไปได้ของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงแรกตอบรับกับความคาดหวังต่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดที่จะทราบผลในคืนนี้ แต่เมื่อวานนี้ดัชนีสหรัฐฯส่วนใหญ่ก็ปรับอ่อนตัวลงมาอีกครั้ง หลังมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ทีมบริหารของสหรัฐฯ ที่กล่าวกับสำนักข่าว Reuters โดยระบุว่า สหรัฐฯและจีนกำลังร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องสำหรับข้อตกลงทางการค้า แต่ก็อาจจะไม่เสร็จสมบูรณ์ได้ทันกับช่วงเวลาที่ทั้ง 2 ผู้นำจะพบกันเพื่อร่วมลงนามในการประชุม APEC เดือนหน้า
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่าเทรดเดอร์ให้ความสนใจไปยังการประกาศผลประกอบการภาคบริษัท รวมทั้งความคืบหน้าในการหารือทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
โดย BP ซึ่งเป็นบริษัทพลักงงานรายใหญ่ของอังกฤษ รายงานว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ลดลง 41% เนื่องจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงและผลกระทบจากสภาพอากาศ ขณะที่หุ้นพลังงานยักษ์ใหญ่ปิดตัวลง 3.8%
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.2% ด้านหุ้นโทรคมนาคมลดลง 1.8% ด้านหุ้นวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.7% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแดนลบ
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ก่อนหน้าจะทราบผลการประชุมเฟดที่จะประกาศในคืนวันนี้ โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.28% ขณะที่ดัชนี Topix เคลื่อนไหวทรงตัว
เช้านี้มีการเปิดเผยข้อมูลผลสำรวจจาก Reuters แสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกของญี่ปุ่นประจำเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.9% โดยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นมาก่อนหน้าการปรับขึ้นภาษีซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
ด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.35% จากหุ้น Sumsung Electronics ที่เปิด -1.17% ก่อนทราบรายงานผลประกอบการภาคอุตสาหกรรม
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 30.15-30.26 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องติดตามการประชุมเฟดซึ่งจะรู้ผลวันที่ 31 ต.ค. ตามเวลาในประเทศไทย โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ต้องรอฟังถ้อยแถลงและการประเมินภาวะเศรษฐกิจ, การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น, ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลข ISM ภาคการผลิต และการจ้างงานนอกภาคเกษตร
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทย (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ย. 62 อยู่ที่ 97.50 หดตัว 4.73% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนี MPI ในไตรมาส 3/62 หดตัว 4.15% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไทย (ครม.) มีมติเห็นชอบต่อเอกสารที่จะมีการลงนามหรือรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องจำนวน 22 ฉบับ เนื่องจากประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนปี 62 มีกำหนดจัดประชุมระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.62 โดยมีนายกรัฐมนตรีฯเป็นประธาน
- กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องตามอุปสงค์ที่ลดลงของผู้ซื้อทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมของไทย ได้เรียกประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ในช่วงเช้าวันนี้ ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยหยิบยกกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) ของไทยหารือ โดยที่ประชุมฯมีมติเห็นชอบให้กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพาณิชย์ ไปหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางให้สหรัฐฯ ทบทวนการตัดสิทธิ GSP ในครั้งนี้
- ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจในวันที่ 1 พ.ย.62 จะมีการพิจารณาประเด็นสำคัญ คือ มาตรการส่งเสริมธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และประเด็นเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว