· ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากถูกกดดันจากประเด็นที่ว่ารายงานจากเจ้าหน้าที่ทีมบริหารของสหรัฐฯ ที่กล่าวกับสำนักข่าว Reuters โดยระบุว่า สหรัฐฯและจีนกำลังร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องสำหรับข้อตกลงทางการค้า แต่ก็อาจจะไม่เสร็จสมบูรณ์ได้ทันกับช่วงเวลาที่ทั้ง 2 ผู้นำจะพบกันเพื่อร่วมลงนามในการประชุม APEC เดือนหน้า
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.33%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 1 ปี เนื่องจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับมุมมองเชิงบวกการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้เบาบางลงไป หลังจากการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก อาจลูกเลื่อนออกไป
โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.57% ที่ระดับ 22,843.12 จุด ซึ่งลดลงมากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกของหุ้นญี่ปุ่นในช่วงการซื้อขาย 8 วันทำการ หลังจากรายงานจากเจ้าหน้าที่ทีมบริหารของสหรัฐฯ ที่กล่าวกับสำนักข่าวReuters โดยระบุว่า สหรัฐฯและจีนกำลังร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องสำหรับข้อตกลงทางการค้า แต่ก็อาจจะไม่เสร็จสมบูรณ์ได้ทันกับช่วงเวลาที่ทั้ง 2 ผู้นำจะพบกันเพื่อร่วมลงนามในการประชุม APEC เดือนหน้า
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากการลงนามข้อตกลงสหรัฐฯและจีนที่อาจถูกเลื่อนออกไป โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.5% ที่ระดับ 2,939.32 จุด
เจ้าหน้าที่ทีมบริหารของสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจจะไม่เสร็จตามกำหนดเวลาที่คาดการณ์ไว้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้อตกลงดังกล่าวจะพังทลายลงไป
แม้ตลาดกำลังเผชิญความกังวลจากปัญหาการค้า แต่กระแสเงินทุนจากต่างประเทศยังคงไหลเข้าหุ้นรายใหญ่ในตลาดจีน ผ่านทางตลาดฮ่องกง โดยเฉพาะ หลังจากที่จีนประกาศจะเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น
ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการประกาศผลประกอบการภาคบริษัทไตรมาส 3 ที่จะประกาศในเร็วๆนี้
· ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวผสมผสานกันในวันนี้ ท่ามกลางรายงานที่ว่าจีนลังเลที่จะยอมรับข้อเรียกร้องของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเข้าซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯจำนวนมาก
โดยดัชนี Stoxx600 ทรงตัว ด้านหุ้นกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้น 1.1% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 0.4%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทย (สศอ.) เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ย.62 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.73 โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 3 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.15 หลายอุตสาหกรรมการผลิตขยายตัวจากการขยายตลาดต่างประเทศ สำหรับตลาดในประเทศคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยกระตุ้นดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนหน้า
- บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 มีกำไรสุทธิ 358 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% จาก 315 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส3/62 มีจำนวน 303 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 156 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 352,862 บาร์เรล/วัน จาก 304,940 บาร์เรล/วันในไตรมาส 3/61 จากโครงการมาเลเซียตามการเข้าซื้อธุรกิจ Murphy Oil Corporation (Murphy) และโครงการบงกช สำหรับราคาขายเฉลี่ยลดลงเป็น 46.03 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากระดับ 47.67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในไตรมาส 3/61
-เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการจากประเทศจีนดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีคำขอรับส่งเสริมลงทุนอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท เติบโต 100% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยางพารา ผลิตยางรถยนต์ คาดว่าทั้งปีจะเติบโต 30% สะท้อนว่าผู้ประกอบการจีนสนใจย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนไทยเพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งปี 62 ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 750,000 ล้านบาท