· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยดัชนี S&P 500 ปิดทำระดับสุดเป็นครั้งที่สองในรอบ 3 วันทำการ หลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25%
โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 115.54 จุด หรือ +0.43% ที่ระดับ 27,186.96 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด +0.33% ที่ 3,046.81 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.33% ที่ 8,303.98 จุด
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ และมีการส่งสัญญาณถึงการหยุดวงจรการผ่อนคลายทางการเงินในเร็วๆนี้้ด้วย
ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่รายงานผลประกอบการของบริษัท
Samsung Electronics ออกมาดีกว่าคาดเมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา จึงส่งผลให้หุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% หลังจากที่ผลประกอบการออกมา
โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.49% ด้านดัชนี Fast Retailing เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ขณะที่ดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.1%
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 30.10-30.26 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุว่า กรณีสหรัฐฯ ประกาศจะระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) กับสินค้านำเข้าจากประเทศไทย 573 รายการ หรือราว 40% ของจำนวนสินค้าทั้งหมดของไทยที่ใช้สิทธิ GSP ในปี 61 โดยให้มีผลบังคับใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. 63 เป็นต้นไปนั้น เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่า การตัดสิทธิ GSP ของสหรัฐฯ ในรอบนี้จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ โดยรวมไม่มากนัก
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินผลกระทบกรณีสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประกาศเตรียมยกเลิกการให้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ระบบ Generalized System of Preferences (GSP) กับไทยว่า การตัดสิทธิ GSP ต่อการส่งออกในภาพรวมมีจำกัด โดยมีผลประมาณ 0.01% ของการส่งออกทั้งหมด
- รมว.พาณิชย์ของไทย กล่าวถึงการติดตามความคืบหน้ากรณีสหรัฐจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) กับสินค้าไทยว่า วันนี้ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ไปประสานงานกับเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี และทูตแรงงาน เพื่อจะได้นัดหมายไปหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ซึ่งได้รับรายงานมาแล้วว่าจะมีการนัดหมายเข้าพบ เพื่อหารือกันในวันศุกร์นี้ (1 พ.ย.)โดยผลของการหารือจะได้นำเสนอให้ทราบต่อไป