· ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าเงินในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย จากความคาดหวังที่ว่าจะเห็นข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 97.936 จุด หลังจากที่พุ่งขึ้นไป 0.37% ที่ระดับ 97.912 จุด
ขณะที่ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าลง 0.01% ที่ระดับ 109.16 เยน/ดอลลาร์ ในขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวแนว 1.1075 ดอลลาร์/ยูโร หลังอ่อนค่าลง 0.49% วานนี้ และมีการเคลื่อนไหวไม่ไกลจากระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ทำไว้ระหว่างวันที่ 1.10635 ดอลลาร์/ยูโร จากความหวังที่ทีมบริหารของนายทรัมป์อาจทำการถอนภาษีสินค้านำเข้ารอบล่าสุดของจีนในเดือนก.ย. เพื่อให้เกิดข้อตกลงเฟสแรก
สถาบันจัดการด้านอุปทาน หรือ ISM ทำการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯที่สะท้อนว่าความเชื่อมั่นในกลุ่มภาคธุรกิจนั้นมีการฟื้นตัวในเดือนต.ค. จากระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยข้อมูลล่าสุดปรับขึ้นมาที่ 54.7 จุด จากระดับ 52.6 จุด
การรีบาวน์ของข้อมูลดังกล่าว ได้ช่วยสนับสนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน และเริ่มคลายความกังวลว่า Trade War จะกระทบกับภาคการผลิต รวมทั้งภาคบริการด้วยเช่นกัน
ด้านค่าเงินหยวนทรงตัวที่ 7.0005 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากที่ทำแข็งค่ามากที่สุดรอบ 3 เดือนเมื่อวานนี้ที่ 6.9867 หยวน/ดอลลาร์ จากความเชื่อมั่นที่จะเห็นข้อตกลงการค้ามากขึ้น ขณะที่ภาพรวมเงินหยวนแข็งค่ามาแล้ว 2.8% จากระดับอ่อนค่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนก.ย.
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้น 0.08% ทำระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ที่ระดับ 1.865% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ปรับสูงขึ้น 0.04% ที่ระดับ 1.633% ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับสูงขึ้น 0.05% ที่ระดับ 2.348% ซึ่งเป็นอัตราปรับขึ้นรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกต่างปรับสูงขึ้นหลังมีรายงานว่า สหรัฐฯกำลังพิจารณายกเลิกการขึ้นภาษีบางตัวสำหรับการนำเข้าสินค้าจากมูลค่า 1.11 แสนล้านเหรียญ ที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. เพื่อผลักดันให้เกิดการลงนามในข้อตกลงเฟสแรกร่วมกัน
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า จะลงนามข้อตกลงการค้ากับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในรัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐฯ
· รายงานจาก CNBC เผยว่า ในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูเหมือนจะไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะและแพ้ มีแต่แพ้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยจะเห็นได้จากข้อมูลยอดดุลการค้าสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ที่สะท้อนว่า การนำเข้าสินค้าจากจีนปรับตัวลงมูลค่า 5.3 หมื่นล้านเหรียญ ในขณะที่ยอดส่งออกจากสหรัฐฯไปยังจีนก็ปรับตัวลงเช่นกันที่มูลค่า 1.45 หมื่นล้านเหรียญ
· แต่ยอดส่งออกของสหรัฐฯเองก็ดูจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและไม่ห่างจากยอดนำเข้าเท่าไหร่นักโดยจะเห็นได้จากการคิดเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยออกมา โดยยอดส่งออกอยู่ที่ -15.50% และยอดนำเข้าอยู่ที่ -13.45% ตลอดช่วง 9 เดือนของปีนี้
ความอันตรายครั้งนี้ คือ หากกลุ่มผู้บริโภคในจีนมีการหาซัพไพลเออร์ใหม่ๆได้ ก็จะยิ่งส่งผลลบมากขึ้นต่อกลุ่มผู้ส่งออกของสหรัฐฯ
· นายเดวิด รูเบนเสตน มหาเศรษฐีด้าน Private Equity กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงเฟสแรกได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่บรรลุข้อตกลงหลักๆได้บางส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าข้อตกลงเฟสแรกไม่ใช่ทุกอย่างก็จริง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนรู้สึกว่าเศรษฐกิจในปีหน้าหรือต่อๆไปจะไม่ได้รับผลเสียมากขึ้น
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าทางสหรัฐฯพร้อมให้ความช่วยเหลือเม็กซิโกในการต่อสู้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด หลังจากมีรายงานว่าเกิดเหตุโจมตีกองกำลังค้ายาเสพติดใกล้ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกส่งผลให้ชาวอเมริกัน 9 คน ซึ่งรวมเยาวชน 6 คน เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม นายมานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก ได้กล่าวปฏิเสธว่าเม็กซิโกไม่จำเป็นต้องได้รับการแทรกแซงจากต่างชาติในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะมีการประกาศจัดการเลือกตั้งวันที่ 12 ธ.ค. อย่างเป็นทางการภายในวันพุธนี้ พร้อมเรียกร้องเสียงสนุนจากประชาชน และให้สัญญาว่าจะทำให้กรณี Brexit สำเร็จภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
สำหรับทิศทางการเลือกตั้งของอังกฤษเป็นเรื่องยากที่จะสามารถคาดเดาได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการนโยบายนโยบาย Brexit ขณะที่พรรคการเมืองรายย่อยก็เริ่มมีเสียงสนับสนุนมากขึ้น จึงอาจคู่แข่งสำคัญให้พรรคการเมืองใหญ่อย่าง Conservatives และ Labour
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 1% จากความหวังเรื่องข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน และการที่สหรัฐฯจะถอนการเก็บภาษีนำเข้าจีนบางส่วน โดยน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 84 เซนต์ ที่ระดับ 62.94 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 69 เซนต์ หรือ +1.22% ที่ระดับ 57.23 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ จีนกำลังผลักดันให้นายทรัมป์ ทำการถอนการเก็บภาษีรอบล่าสุดเมื่อเดือนก.ย. เพื่อให้เกิดข้อตกลงการค้าเฟสแรก ที่อาจช่วยบรรเทาผลกระทบเชิงลบทางเศรษฐกิจที่อาจกระทบต่อกลุ่มผู้บริโภคน้ำมันในสหรัฐฯและจีนด้วย