MTS Help Center

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เป็นครั้งแรกหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากเหล่านักลงทุนรอคอยข้อตกลงทางการค้าใหม่ที่อาจลดความขัดแย้งทางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.12% ด้านหุ้นออสเตรเลียลดลง 0.55%

ท่ามกลางการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและสัญญาน้ำมันดิบ เนื่องจากเหล่านักลงทุนได้รับแรงหนุนเชิงบวกเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 13 เดือน เนื่องจากความหวังเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินเยนและการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกและหุ้นการเงิน

โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.1% ที่ะรดับ 23,303.82 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. เมื่อปีที่ผ่านมา ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้นที่บริเวณ 1,694.45 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดที่แข็งแรงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี

สำหรับเมื่อคืนที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุสหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 1.873% ทำระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับข้อตกลงการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดผสมผสานกัน เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังปประเด็นสงครามการค้า และการประกาศผลประกอบการภาคบริษัท

โดยดัชนี Stoxx600 ททรงตัว ด้านหุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 0.8% ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ นำโดยหุ้นสาธารณูปโภคที่ปรับลดลง 0.6%

อ้างอิงจากสำนักข่าวโพสทูเดย์

- นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. วันที่ 5 พ.ย. 62 คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% เหลือ 1.25% โดยให้มีผลทันที โดยคณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่ำกว่าที่ประเมินไว้และต่ำกว่าศักยภาพมากขึ้น จากการส่งออกที่ลดลงจากสงครามการค้าส่งผลให้มีการเลิกจ้างงาน อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อ มีปัจจัยเสี่ยงต้องติดตาม ทำให้คณะกรรมการเสียงส่วนใหญ่ให้ลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และทำให้เงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมาย