· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้หลังจากที่ร่วงลงไปทำต่ำสุดรอบ 3 เดือน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีนที่ยังมีแนวโน้มจะเห็นเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวขึ้น 0.2% ที่ระดับ 1,461.41 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ทรงตัวบริเวณ 1,462.6 เหรียญ
· ดีลเลอร์จาก GoldSilver Central กล่าวว่า ราคาทองคำค่อนข้างปรับตัวลง จากกลุ่มนักลงทุนที่เข้าเทขายทำกำไรในโอกาสนี้ ซึ่งทองคำอาจกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อยังคงมีความกังวลต่อ Trade War และเศรษฐกิจโลกได้อยู่ ขณะที่ภาพรวมธนาคารกลางมีการเข้าซื้อทองคำเพิ่ม โดยเฉพาะในจีน จึงเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนราคาทองคำในเวลานี้
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจากับจีนค่อนข้างเป็นไปด้วยดีมาก แต่สหรัฐฯก็ยังต้องการที่จะทำข้อตกลงกับจีนหากว่าข้อตกลงนั้นเป็นเรื่องดีกับสหรัฐฯ
· ตัวแทนเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนเห็นพ้องกันในการที่จะยกเลิกการเก็บภาษีการค้าระหว่างกันบางส่วน อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าในเฟสแรก แต่นายทรัมป์ก็ได้ออกมาคัดค้านต่อการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว
· ภาพรวมราคาทองคำปีนี้ปรับตัวขึ้นได้แล้วประมาณ 14% จากกรณี Trade War ที่ดูจะสร้างความปั่นป่วนให้แก่ตลาดการเงิน รวมทั้งจุดประกายความกังวลให้แก่เศรษฐกิจโลกประสบภาวะชะลอตัวลง
ความกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกมีเพิ่มมากขึ้น จากการที่ดัชนีราคาผู้ผลิตหรือ PPI ของจีน ซึ๋งเป็นหนึ่งในมาตรวัดผลประกอบการภาคบริษัทออกมาแย่ลงที่ระดับ 1.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นระดับการอ่อนตัวลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่ ก.ค. 2016
· นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า ภาพทางเทคนิคของราคาทองคำจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,450 เหรียญ และหากร่วงลงมามีโอกาสเห็น 1,400 เหรียญได้
· ตลาดหุ้นเอเชียขยับตัวสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนของข้อตกลงกการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่อาจหาข้อสรุปและยุติปัญหาร่วมกันได้
· ความต้องการทองคำในอินเดียมีกำลังเข้าซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาที่ปรับตัวลงทำต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่การเข้าซื้อบางส่วนก็ได้รับแรงหนุนมาจากประเทศอื่นๆในแถบเอเชีย
· ผลสำรวจนักลงทุนส่วนใหญ่จาก Kitco กว่า 62% เชื่อราคาทองคำจะปรับตัวลงต่อ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญตลาดทองส่วนใหญ่ 49% กลับคิดว่าทองคำมีโอกาสปรับขึ้น
มุมมองของนักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก LaSalle Futures Group มองว่า แรงขายทางเทคนิคที่เข้ามากำลังบั่นทอนภาพการปรับตัวขึ้นของทองคำในเวลานี้ไปเป็นท่ี่เรียบร้อย และ ณ ปัจจุบันแนะนำให้จับตาไปยังบริเวณแนวรับสำคัญ 1,405 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ซึ่งหากตลาดหุ้นยังคงทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็เป็นการยากที่จะเห็นทองคำจะฟื้นตัว จนกว่าที่ภาพทางเทคนิคจะเปลี่ยนไปและเห็นทองคำมีแรงซื้อกลับอีกครั้ง
นักวิเคราะห์จาก Phoenix Futures and Options LLC มองว่า ราคามีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในระยะสั้นๆ หลังจากที่เผชิญแรงเทขายกดดันจนหลุด 1,480 เหรียญลงมา ควบคู่กับการที่ตลาดหุ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯก็ปรับตัวขึ้น จึงดูเหมือนเวลานี้ยังไม่มีอะไรที่จะมาสนับสนุราคาทองคำได้เลย
ผู้อำนวยการฝ่ายการวิเคราะห์จาก Darin Newsom Analysis กล่าวว่า ทองคำกลับมาเป็นขาลงอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นถึงภาวะ Oversold ในเวลานี้ และระดับแนวรับถัดไปของทองคำจะอยู่ที่ 1,407 เหรียญ
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Scotiabank กล่าวว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจากการที่ตลาดคาดหวังถึงการที่เฟดจะตัดสินใจลดดอกเบี้ย ขณะที่ความผันผวนและทำให้ทองคำอ่อนตัวมาจากหัวข้อสำคัญ Trade War ที่เป็นไปในเชิงบวกมากขึ้น ประกอบกับราคา Break ระดับสำคัญทางเทคนิคลงมา และระดับ 1,450 เหรียญ ถือเป็นระดับสำคัญที่เราอาจเห็นทองคำกลับลงมา ซึ่งเป็นระดับแนวรับดั้งเดิม ตั้งแต่ช่วงที่เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย 31 ก.ค. แต่เหตุการณ์เสี่ยงที่ต้องจับตาคือเรื่องที่ระยะสั้นข้อตกลงเฟสแรกจะเลื่อนออกไป และหากการประชุมในเดือนธ.ค. หากเลื่อนออกไปจริง หรือพลิกผันเป็นยกเลิกขึ้นมา เราก็จะเห็นทองคำรีบาวน์กลับขึ้นมาหลังจากที่ปรับตัวลงไปล่าสุดนี้
· ในรายงานจาก Kitco เผยมุมมองนักวิเคราะห์กับระดับ 1,450 เหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับแนวรับในเวลานี้ ว่าหากทองคำหลุดลงมาจะยิ่งเปิดโอกาสให้ราคาเผชิญกับแรงเทขายที่เพิ่มมากขึ้น และเมื่อนั้นเราอาจเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาเพื่อเปิดสถานะ Long บริเวณ 1,425 - 1,450 เหรียญ แต่ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทำคลื่นเป็นทิศทางขาลง หากภาวะความเสี่ยงในตลาดยังเบาบาง และหากทองคำยังอ่อนตัวก็อาจมีแรงท Short บางส่วนเข้ามาได้ และสัปดาห์นี้ก็ดูจะเคลื่อนไหวในกรอบเป็นลักษณะค่อยๆปรับตัวลง
อย่างไรก็ดี หากราคาหลุด 1,450 เหรียญ ก็มีโอกาสเห็นทองคำปรับตัวลงมาบริเวณ 1,400 เหรียญได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแนวโน้มของปัจจัยต่างๆในระดับมหพภาคเป็นสำคัญ
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯตั้งแต่คืนวันพุธ และข้อมูล PPI ในวันพฤหัสบดี ควบคู่กับการประกาศยอดค้าปลีก, ดัชนีภาคการผลิตรัฐนิวยอร์ก รวมทั้งผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่จะประกาศในวันศุกร์นี้
· นักวิเคราะห์จาก Mitsubishi กล่าวว่า ความคืบหน้าของสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน รวมทั้งถ้อยแถลงทางการค้าของนายทรัมป์ล่าสุดดูจะเป็นปัจจัยสำคัญของตลาด และอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ คือ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ที่จะกล่าวแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสในวันที่ 13 พ.ย.นี้ และถ้อยแถลงของนายทรัมป์ ณ ที่ประชุม Economic Club of New York ในวันที่ 12 พ.ย.
อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของนายโพเวลล์ จำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ว่าเฟดจะเดินหน้าผ่อนคลายหรือคงดอกเบี้ยต่อไป หรือจะมีสัญญาณที่ผสมผสานหรือไม่ เพราะหากเฟดยังเลือกจะคงดอกเบี้ย หลังจากที่ปรับลงไปแล้ว 3 ครั้งก็ดูจะค่อนข้างชัดเจนว่าจะยังไม่เห็นการปรับลดดอกเบี้ยต่อไปใอนาคตอันใกล้และนั่นจะส่งผลลบต่อราคาทองคำ
· ราคาซิลเวอร์ปรับขึ้น 0.3% ที่ 16.84 เหรียญ ในขณะที่ราคาแพลทินัมปรับ -0.1% ที่ 885.36 เหรียญ และราคาพลาเดียมปรับขึ้น 0.4% ที่ 1,749.46 เหรียญ