• Commodities Week Ahead: น้ำมัน, ทอง รอทรัมป์เรื่องTrade War และถ้อยแถลงโพเวลล์

    12 พฤศจิกายน 2562 | Gold News

ความยืดเยื้อของสงครามการค้ามายาวนานกว่า 16 เดือนดูจะเป็นจุดสนใจต่อตลาด และหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนต่างเล็งเห็นถึงความพยายามที่ต่างก็ออกมาดีที่สุดสำหรับพวกเขา รวมถึงประชาชนก็ดูจะสามารถเกิดข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับกระแสข่าว Trade War กันแทบจะรายวัน จากความไม่แน่นอนต่างๆที่เกิดขึ้

ความผันผวนของ Trade War ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบรรดาเทรดเดอร์

ความผันผวนที่เกิดขึ้นรายวันอาจไม่ได้ส่งผลดีทั้งหมด แต่การที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นของข้อตกลงการค้าก็ดูจะทำให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากความคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายดำเนินการเจรจากันไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นและเป็นปัจจัยต่อสินทรัพย์โภคภัณฑ์ เนื่องจากเกิดคำถามที่ว่า “สหรัฐฯและจีนจะสามารถทำข้อตกลงได้หรือไม่ได้กันแน่?”

ขณะเดียวกัน ตลาดก็ให้ความสำคัญไปยังถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันนี้ ที่จะกล่าว ณ ที่ประชุม Economic Club รัฐนิวยอร์กคืนนี้

ทรัมป์จะชัดเจนหรือกำกวม?

ถ้อยแถลงของนายทรัมป์ อาจสร้างความชัดเจนแก่ทิศทางต่อไปและไม่มีความกำกวมเพิ่มขึ้นสำหรับข้อตกลงการค้า “เฟส 1” ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นและสามารถบรรลุขั้นสุดท้ายได้ในที่สุด

ขณะที่น้ำมันดิบ WTI และ Brent ต่างก็ผันผวนหนักตั้งแต่ที่เกิดความไม่ชัดเจนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่นายทรัมป์ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าจีนบางส่วน ที่ดูจะสร้างความไม่แน่นอนให้เกิดขึ้นอีกครั้งว่าจะสามารถลงนามกันได้หรือไม่

ซึ่งการกล่าวถ้อยแถลงของเขาอาจสร้างความชัดเจนของตลาดได้ว่าจะเห็นด้วยกับการปรับลดภาษีสินค้านำเข้า หรือไม่เห็นด้วย และนั่นอาจเป็นความกำกวมในทิศทางครั้งใหม่ได้


อย่างไรก็ดี ตลาดทองคำกลับให้ความสนใจที่จะรอฟังถ้อยแถลงจากนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดเกี่ยวกับมุมมองและทิศทางนโยบายการเงินของเฟดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเงินเฟ้อในการกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลด้านเศรษฐกิจของสภาคองเกรสในวันพรุ่งนี้ และกล่าวต่อสำนักงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดี


โพเวลล์ถูกคาดจะคงดอกเบี้ยหลังจากที่ปรับดอกเบี้ยในเดือนต.ค.!

นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดมีแนวโน้มจะตอกย้ำถึงแผนการใช้นโยบายผ่อนคลายในปัจจุบันหลังจากที่ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ของปี ขณะที่ตลาดจับตาดูโอกาสที่จะเห็นยินถ้อยแถลงของเขาโดยปราศจากสมาชิกท่านอื่นๆของเฟดที่มีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงในสัปดาห์นี้ถึง 8 รายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

นายจอห์น วิเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ที่กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในทิศทางที่ดีและตอกย้ำมุมมองของเขาเกี่ยวกับการตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดก็ยังต้องติดตามใกล้ชิดว่าจะได้รับผลกระทบใดๆจาก Trade War ที่ส่งผลต่อเศรษบกิจหรือไม่

สัปดาห์นี้ต้องติดตามข้อมูล CPI ที่จะประกาศในวันพุธนี้ ร่วมกับ Core CPI ที่ถูกคาดว่าจะขยายตัวได้ 2.4% และ 1.7% ตามลำดับ แต่เฟดมองว่า Core PCE จะยังขยายตัวได้ในเกณฑ์ 1.6% ซึ่งก็ยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% นับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตทางการเงินอยู่ดี

นอกจานี้ ในวันศุกร์จะมีข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนต.ค. และข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ดูจะสะท้อนถึงมุมมองผู้บริโภคที่เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษบกิจที่กำลังเผชิญกับการชะลอตัวของภาคการผลิตและปัญหา Trade War ในช่วงหลายเดอนมานี้

ที่มา: Investing

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com