• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562

    12 พฤศจิกายน 2562 | Economic News



· ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นในตลาดเอเชียหลังจากที่ไปทำระดับสูงสุดรอบ 6 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร และปรับแข็งค่าขึ้นกว่า 1% เมื่อเทียบดอลลาร์ จากความเสี่ยงที่จะเกิดรัฐสภาแขวนในอังกฤษนั้นดูจะผ่อนคลายลงไป

ปัจจัยสนับสนุนเงินปอนด์มาจากการที่ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษก่อนการเลือกตั้ง 12 ธ.ค.นี้ หลังนายไนเจล ฟาราจ ผู้นำพรรค Brexit เผยว่า จะยืนข้างพรรคอนุรักษ์นิยมจึงทำให้ตลาดพุ่งความสนใจว่าการร่วมมือกันอาจส่งผลต่อนักการเมืองที่แอนตี้ Brexit



ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นไปทำสูงสุดที่ 1.2896 ดอลลาร์/ปอนด์ จากความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะเผชิญสภาแขวน หรือพรรคแรงงานจะได้เสียงข้างมากนั้นลดลง และน่าจะทำให้รัฐบาลนำพาอังกฤษออกจากอียูได้



แรงเทขายที่เข้ามาทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงมาเล็กน้อยทรงตัวที่ 1.2858 ดอลลาร์/ปอนด์



· ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นเหนือ 1.28 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนที่นายฟาราจจะประกาศถึงเรื่องดังกล่าว หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษสะท้อนว่าจีดีพีไตรมาที่ 3/2019 ขยายตัวได้ 0.3%

นักวิเคราะห์ค่าเงินบางส่วน กล่าวว่า สมาชิกพรรค Brexit ส่วนใหญ่อาจสร้างความชัดเจนในการช่วยสนับสนุนให้อังกฤษออกจากอียูแบบ No-Deal



ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1033 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินเยนทรงตัวที่ 109.15 เยน/ดอลลาร์



ค่าเงินหยวนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 7.0040 หยวน/ดอลลาร์ ท่ามกลางเทรดเดอร์ที่รอคอยความคืบหน้าทางการค้าและปัญหาในฮ่องกง




· ท่ามกลางความกังวลเรื่องข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีน ประกอบกับเหตุความไม่สงบในฮ่องกง ได้ทำให้ค่าเงินเยนกลับมาแข็งค่าอีกครั้งเมื่อเทียบดอลลาร์แถวระดับเส้นค่าเฉลี่ย 5-DMA บริเวณ 109.19 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้เคลื่อนไหวผันผวน แต่การกลับมาแข็งค่าของเงินเยนก็ดูจะช่วยจำกัดภาวะแข็งค่าของดอลลาร์ได้บางส่วน

ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวทรงตัวกึ่งปรับตัวลงเมื่อเทียบกับภาพราย 4 ชั่วโมง โดยราคาร่วงหลุดต่ำกว่าระดับ 20 SMA ขณะที่ Indicator เริ่มมีสัญญาณกลับมาเป็นลบ แต่ก็ยังยืนได้เหนือระดับ 100 และ 200SMA ด้าน RSI ทรงตัวแนว 48 จุด จึงบ่งชี้ถึงภาวะแรงขายที่มีอย่างจำกัด หากหลุดระดับดังกล่าวลงมาอาจเห็นเยน Break หลุดต่ำกว่า 108.9 เยน/ดอลลาร์ได้ หากเยนจะไม่แข็งค่าก็ต่อเมื่อยืนเหนือ 109.3 เยน/ดอลลาร์



แนวต้าน: 109.30 109.60 110.00

แนวรับ: 108.90 108.65 108.40



· สิ่งที่น่าสนใจสำหรับตลาดการเงินในสัปดาห์นี้คือ 5 เรื่องที่เสี่ยงจะกระทบกับตลาดค่าเงิน

1. นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงการดำเนินนโยบายครึ่งปีและทิศทางเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรส (วันพุธ)

2. นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจที่ Economic Club ตลาดมุ่งประเด็นไปที่เรื่องการค้า (วันอังคาร)

3. ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย (วันพุธ)

4. รายงานการจ้างงานออสเตรเลีย (วันพฤหัสบดีนี้)

5. ข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯ (วันศุกร์)



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดขึ้นกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบายการค้า ณ Economic Club ภายในเมืองนิวยอร์ก คืนนี้เวลาประมาณเที่ยงคืนตามเวลาประเทศไทย

ตามรายงานจากโฆษกประจำทำเนียบขาว มีความเป็นไปได้สูงที่นายทรัมป์จะกล่าวเกี่ยวกับความสำเร็จของนโยบายปรับลดภาษี ที่ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถคงการเติบโตได้ยาวนานที่สุด ท่ามกลางอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ อัตราค่าจ่างที่เพิ่มสูงขึ้น และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง



ขณะที่นักวิเคราะห์จาก The Leuthold Group มีมุมมองว่า การกล่าวเกี่ยวกับการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนไปในทิศทางบวก ก็น่าจะเพียงพอที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาดได้ แม้จะไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากข้อตกลง “เฟสแรก” ออกมาจากถ้อยแถลงครั้งนี้ก็ตาม



อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากสถาบัน Charles Schwab ไม่มีตั้งความหวังกับถ้อยแถลงของนายทรัมป์ในคืนนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอีกมาก จึงเป็นเรื่องยากที่สามารถคาดเดาได้ว่านายทรัมป์จะกล่าวถ้อยแถลงไปในเชิงบวกหรือลบ



ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์จาก Oxford Economics ประเมินว่า สงครามการค้าได้กดดันอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯลงไปแล้วกว่า 1 ใน 8 หลังจากที่เศรษฐกิจในปีนี้สามารถคงอัตราเติบโตได้ที่ 3.1% ในช่วงต้นปี ก่อนที่จะปรับลดลงสู่ระดับ 1.9% ในช่วงไตรมาสที่ 3/2019 ท่ามกลางปริมาณการลงทุนในภาคธุรกิจที่อ่อนแอลง





· ผลสำรวจโดย Reuters คาดว่า ธนาคารกลางอียิปต์จะทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อของประเทศที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 14 ปี



· ราคามันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงในช่วงต้นตลาด เนื่องจากความคาดหวังว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจส่งสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับจีน ในการกล่าวถ้องแถลงของเขาในช่วงเวลาเที่ยงคืนตามเวลาไทย

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 31 เซนต์ หรือ +0.5% ที่ระดับ 62.49 เหรียญ/บาร์เรล ที่หลังจากที่ช่วงเช้าลงไปทำต่ำสุดที่ระดับ 61.90 เหรียญ/บาร์เรล



ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 23 เซนต์ หรือ +0.4% ที่ระดับ 57.09 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลงไปทำต่ำสุดวันนี้ที่ 56.55 เหรียญ/บาร์เรล



ความยืดเยื้อของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนกว่า 16 เดือน ดูจะสร้างความความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านอุปสงค์น้ำมัน เนื่องจากสงครามการค้าได้ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเห็นราคาน้ำมันดิบปรับลงเมื่อวานนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com