MTS Help Center

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น และตลาดหุ้นยุโรปก็มีแนวโน้มที่จะเปิดในแดนบวกตามมา ขณะที่ตลาดกำลังรอคอยถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในคืนนี้ รวมถึงความชัดเจนว่านายทรัมป์จะตัดสินใจเลื่อนการขึ้นภาษีรถยนต์ยุโรปหรือไม่

โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับสูงขึ้น 0.5% หลังจากที่ย่อตัวลงถึง 1.2% เมื่อวานนี้


· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดแดนบวก ท่ามกลางความคาดหวังว่าการอ่อนค่าของเงินเยนใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์จะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคบริษัทได้ หลังจากที่ตลาดเปิดในลบเมื่อช่วงเช้าวันนี้จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จ้า และเหตุความรุนแรงในฮ่องกง โดยดัชนี Nikkei ปิด +0.81% ที่ระดับ 23,520.01 จุด

· ตลาดหุ้นจีนปิดแดนบวกเล็กน้อยหลังจากที่เคลื่อนไหวทรงตัวเกือบทั้งวันทำการ ท่ามกลางตลาดกำลังจับตาถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะกล่าวเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการค้าในคืนนี้ ซึ่งอาจมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยตลาดยังมีท่าทีระมัดระวังก่อนทราบถ้อยแถลงคืนนี้

สำหรับดัชนี Shanghai Composite ปิด +0.2% ที่ระดับ 2,914.82 จุด ส่วนดัชนี blue-chip CSI300 ปิดค่อนข้างทรงตัวที่ระดับ 3,903.69 จุด



· ตลาดหุ้นยุโรปเริ่มตลาดด้วยท่าทีระมัดระวังในวันนี้หลังจากที่มีรายงานระบุว่า นายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคาดจะเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการขึ้นภาษีรถยนต์ยุโรปออกไปอีก 6 เดือน โดยดัชนี Stoxx600 ปรับขึ้น 0.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับขึ้น 0.7%

ความเชื่อมั่นในตลาดปรับตัวขึ้นหลังรายงานที่นายทรัมป์อาจประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีรถยนต์ในสัปดาห์นี้ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการหลีกเลี่ยงการปะทะหรือความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้าหลักๆลง

ทางด้านหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานจากความกังวลเรื่อง Trade War ที่ยังไม่แน่นอน ประกอบกับความรุนแรงในฮ่องกงที่เป็นปัจจัยกดดันตลาด

กลุ่มนักลงทุนยังคงเฝ้ารอการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนต่อ หลังจากที่มีข่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มจะยกเลิกการขึ้นภาษีระหว่างกัน

ขณะที่ฝั่งยุโรป ตลาดรอการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ หลังจากที่นายไนเจล ฟาราจ ผู้นำพรรค Brexit เห็นพ้องที่จะให้พรรคของเขามีเสียงร่วมกับพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน เพื่อให้ครองเก้าอี้ร่วม 317 ที่นั่ง จึงถือเป็นสัญญาณที่อาจขัดขวางกลุ่ม ส.ส.ที่แอนตี้ Brexit และอาจควบคุมเสียงในสภาได้ จึงทำให้เราเห็นค่าเงินปอนด์แข็งค่า และกลุ่มนักลงทุนรอดูชัยชนะอีกครั้งของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ




·  อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์



- นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยถึงการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรในเดือนต.ค.62 ว่า ในเดือนต.ค.62 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 กรมศุลกากรจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 52,192 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ศุลกากร จัดเก็บได้จำนวน 8,701 ล้านบาท โดยต่ำกว่าประมาณการ 99 ล้านบาท หรือ 1.1% และมีการจัดเก็บรายได้แทนหน่วยงานอื่น จำนวน 43,491 ล้านบาท



- นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศสมาชิกสภาไตรภาคียางพารา ประกอบด้วย ประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ได้ดำเนินมาตราการลดการส่งออก (Agreed Export Tonnage Scheme: AETS) ครั้งที่ 6 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 จนปัจจุบันเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกประเทศได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วน สามารถลดปริมาณส่งออกลงได้ 441,648 ตันซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่กำหนดคือ 240,000 ตันและไม่ส่งผลให้จำนวนสต็อคคงค้างของ 3 ประเทศเพิ่มขึ้น และมีความเป็นไปได้สูงที่ประเทศสมาชิกสภาไตรภาคียางพารา จะมียอดการส่งออกลดลงในปีนี้ประมาณ 800,000 ตันซึ่งสอดคล้องกับผลผลิตที่ลดลง



- รายงานข่าวเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งแรกของรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งจัดขึ้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง เสนอโครงการชิมช็อปใช้ เฟส 3 เน้นส่งเสริมการใช้เงินผ่านออนไลน์ เพื่อให้มีประชาชนลงทะเบียนเพิ่มอีก 2 ล้านคน รวมเป็นผู้ร่วมลงทะเบียนทั้งหมด 15 ล้านคน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2562/2563 วงเงิน 9,671 ล้านบาท โดยจะประกันรายได้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ ในกิโลกรัมละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน