· ตลาดหุ้นเอเชียปละตลาดหุ้นล่วงหน้าสหรัฐฯปรับตัวลดลง เนื่องจากสัญญาณที่ทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนและความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลง 1.03% ทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ด้านหุ้นฮ่องกงลดลง 2% ทำระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ท่ามกลาง
ความรุนแรงในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมได้
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้ให้รายละเอียดใหม่ใดๆเกี่ยวกับข้อตกลงการค้ากับทางจีนในการกล่าวถ้อยแถลงของเขาเมื่อคืนนี้
ขณะที่ความวุ่นวายในฮ่องกงก็เป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน ส่งผลให้การขนส่ง โรงเรียนและธุรกิจต่างๆปิดตัวลงหลังจากมีการใช้ความรุนแรงในกลุ่มผู้ประท้วง
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.85% ที่ระดัย 23,319.87 หลังจากปรับตัวสูงขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนที่บริเวณ 23,591 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.55% ที่ระดับ 1700.33 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปิดแดนลบใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ท่ามกลางความไม่ชัดเจนของทิศทางการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และความกังวลเกี่ยวกับเหตุความรุนแรงในเมืองฮ่องกง โดยดัชนี Shanghai Composite ปิด -0.3% ที่ระดับ2,905.24 จุด ใกล้ระดับต่ำสุดของวันที่ 30 ก.ย. ขณะที่ดัชนี Blue-chip CSI300 ปิด -0.1% ที่ระดับ 3,899.98 เหรียญ
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดในแดนลบตามตลาดหุ้นเอเชียที่เผชิญแรงกดดันจากความไม่ชัดเจนของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน และความกังวลกับเหตุความรุนแรงในฮ่องกง โดยดัชนี Stoxx 600 เปิด -0.3% นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับลดลง 1.4%ขณะที่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มปรับขึ้น 0.3%
อ้างอิงจากสำนักข่าว ThaiPR.net
- เอไอเอส ปักธงผู้นำอันดับ 1 ด้านนวัตกรรมเครือข่ายและเทคโนโลยี บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่อุตสาหกรรมโทรคมนาคม รายแรกและรายเดียวที่ศึกษาวิจัยและทดสอบเทคโนโลยี 5G ครบทั้ง 5 ภาคทั่วประเทศ ในพื้นที่ภาคกลาง, ภาคตะวันออก, ภาคใต้, ภาคอีสาน และภาคเหนือ สอดรับกับเจตนารมณ์ของ กสทช. ที่สนับสนุนให้มีการทดลอง ทดสอบ 5G ทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค มุ่งสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเข้าถึงเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างทั่วถึง ทำให้ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ประชาชน และผู้เกี่ยวข้องใน 5G Ecosystem ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เห็นภาพของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5G มาถึง และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับภูมิภาค
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ระบุความจำเป็นที่รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อไป ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวตาม เห็นได้จากกรณีที่โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งต้องปิดกิจการลงนั้น ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบรุนแรง ขณะที่หน่วยงานอื่น เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการสนับสนุนเงินทุนไหลออก เพื่อดูแลเศรษฐกิจอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันในการประคองเศรษฐกิจไทยระยะข้างหน้า โดยมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด สำหรับในปี 2563 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตดีหรือไม่นั้นยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น