• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562

    19 พฤศจิกายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 11 วันทำการเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐฯและจีนอาจลงนามข้อตกลงการค้ากันได้ในเร็วๆนี้เพื่อยุติปัญหา Trade War ที่เป็นปัจจัยถ่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ระดับ 1.1068 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.1% ที่ระดับ 97.9 จุด

ค่าเงินหยวนยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าโดยปิด -0.1% ที่ 7.0142 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งหัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินจาก ACLS Global มองว่า ค่าเงินหยวนที่ยังทรงตัวแนว 7 หยวน/ดอลลาร์ มาจากการเฝ้ารอคอยทางแก้ปัญหา Trade War ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ระดับ 1.2945 ดอลลาร์/ปอนด์ อันเป็นผลจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะได้รับชัยชนะได้เสียงข้างมากจากการเลือกตั้งในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ซึ่งบรรดาเสียงสนับสนุนของเขาก็อาจร่วมสนับสนุนข้อตกลง Brexit ด้วยและอาจทำให้การเสนอข้อตกลง Brexit สามารถผ่านการลงมติเห็นชอบในรัฐสภาได้



· รายงานจาก CNBC ระบุว่า จีนมีความกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า อันเนื่องจากการที่นายทรัมป์มีการแสดงการคัดค้านต่อการยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนบางส่วน และจีนเชื่อว่าสหรัฐฯน่าจะเห็นด้วย แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถตกลงกันในเรื่องหลักๆแล้วก็ตาม และข่าวนี้ได้ส่งผลให้ให้หุ้นสหรัฐฯเปิดอ่อนตัวลง

รายงานจากแหล่งข่าวภายในรัฐบาลจีนโดย CNBC ระบุว่า ความเชื่อมั่นของรัฐบาลจีนต่อโอกาสบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ดูจะมีมุมมองไปในเชิงลบ เนื่องจากความลังเลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อการยกเลิกภาษี แม้ทางรัฐบาลสหรัฐฯดูเหมือนจะเต็มใจที่จะยกเลิกภาษีก็ตาม

ในรายงานยังระบุอีกว่า รัฐบาลจีนกำลังจับตาความเคลื่อนไหวทางการเมืองในสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องของการไต่สวนและการเลือกตั้ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จีนบางส่วนมองว่า ควรที่จะรอคอยความชัดเจนจากประเด็นดังกล่าวเสียก่อน เนื่องจาก มีความเปนไปได้ที่นายทรัมป์จะหลุดออกจากตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ส่วนเรื่องของข้อตกลงเข้าซื้อสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯ ภายในรัฐบาลจีนเองก็ยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ เนื่องจากบางส่วนกังวลว่า หากนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณอุปสงค์-อุปทานในประเทศจีน รวมไปถึงการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆได้อีกด้วย

· ทีมบริหารประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขยายระยะเวลาอนุญาตให้ Huawei สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทสหรัฐฯต่อไปได้อีก 90 วัน ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯยังคงอยู่ในระหว่างการร่างข้อกฎหมายที่จะมาช่วยปกป้องความมั่นคงของประเทศที่เกิดจากบริษัทเทเลคอมรายใหญ่

ขณะที่ทาง Huawei ได้แสดงความคิดเห็นเมื่อวานนี้ ว่าการขยายระยะเวลาจะไม่ส่งกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ เพราะไม่ว่าอย่างไร Huawei ก็ยังคงถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมจากบริษัทสหรัฐฯอยู่ดี

· เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมกับนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด มีการพบกันเพื่อหารือถึงกรณีทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินต่อมุมมองที่หลากหลายทางเศรษฐกิจ โดยทั้งสองคนได้ร่วมหารือกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังด้วย โดยเฟดระบุถึงทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังเป็นไปด้วยดีควบคู่กับแนวโน้มการจ้างงาน และเงินเฟ้อ

ขณะที่การประชุมดังกล่าว นายทรัมป์มีการทวิตเตอร์ข้อความถึงการพบกันว่า “ดีและเป็นไปอย่างอบอุ่น”



อย่างไรก็ดี สัปดาห์ที่แล้ว ในการประชุม ณ Capitol Hill นายโพเวลล์ มีการแสดงความรู้สึกถึงการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดว่าเป็นไปอย่างเหมาะสม และมีแนวโน้มที่จะยังคงดอกเบี้ยต่อไปก่อน เว้นแต่จะมีสัญญาณต่อการเปลี่ยนแปลงทางแนวโน้มเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้เฟดจะไม่ขึ้นกับการตัดสินใจทางการเมือง จึงถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไมนายทรัมป์ตำหนิเฟดในเรื่องการลดดอกเบี้ยแต่เฟดก็ยังเดินหน้าทยอยลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาโดยตลอด

· รายงานจากเกาหลีเหนือระบุว่า เกาหลีเหนือจะยกเลิกการประชุมที่ไร้ความหมายร่วมกับสหรัฐฯ หากการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยากนำไปกล่าวโอ้อวดเพียงเท่านั้น พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯยกเลิกท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับเกาหลีเหนือเสีย หากยังต้องการที่จะเจรจาอีกครั้ง

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงกว่า 1% หลังจากที่ตลาดฟื้นตัวในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นเองก็ปรับตัวลงจากความไม่แน่นอนของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 95 เซนต์ หรือ -1.5% ที่ 62.35 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 67 เซนต์ หรือ -1.2% ที่ระดับ 57.05 เหรียญ/บาร์เรล

บรรดานักวิเคราะห์ มองว่า การที่ดัชนีหลักในตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงจากที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีรายงานถึงความกังวลต่อข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีนที่อาจยังไม่สามารถตกลงกันได้ จึงกดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง

· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ประกาศว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯให้การสนับสนุนอิสราเอลในการก่อสร้างพื้นที่อยู่อาศัยให้กับชาวยิวในพื้นที่ West Bank อย่างเป็นทาง

การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของนายเบนจามิน เนทันยาฮู ประธานาธิบดีอิสราเอล ที่กำลังเผชิญปัญหาความเชื่อมั่นจากชาวอิสราเอลที่ลดลงเรื่อยๆ แต่สร้างความไม่พึงพอใจให้กับปาเลสไตน์ จึงอาจทำให้ความพยายามสร้างสันติระหว่างทั้ง 2 ประเทศถูกกดดันลงไปได้

· ทางอียูกล่าวประนามการตัดสินใจของสหรัฐฯ โดยระบุว่า การที่อิสราเอลก่อสร้างที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของปาเลสไตน์เป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายระหว่างประเทศ และกดดันความพยายามในการสร้างสันติสุข


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com