· ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานกัน โดยตลาดรอข่าวที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่จะบรรลุข้อตกลงในเฟสแรก เพื่อยุติสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสองประเทศ
ขณะที่เหล่านักลงทุนคาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะออกนโยบายกระตุ้นทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยหนุนความเชื่อมั่น
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.3%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง ท่ามกลางภาคส่งออกที่ถูกกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่เหล่านักลงทุนกำลังรอคอยความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าในเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.5% ที่ะรดับ 23,292.65 จุด ด้านดัชนี Topix ลดลง 0.2% ที่ระดับ 1,696.73 จุด
สำหรับเมื่อคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯส่วนใหญ่เคลื่อนไหวทรงตัว เพื่อรอดูทิศทางของการเจรจาทางการค้า แม้ว่าจะปิดทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯมีการขยายเวลา 90 วันให้แก่บริษัทสหรัฐฯในการทำธุรกิจกับทางบริษัท Huawei จึงช่วยคลายกังวลต่อความไม่แน่นอนของข้อตกลงการค้าบางส่วนลงไป หลังจากที่ช่วงต้นตลาดัชนีสหรัฐฯอ่อนตัวลงหลังมีรายงานว่าจีนเป็นกังวลต่อการคัดค้านของนายทรัมป์
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาก์ เนื่องจากธนาคารกลางจีนปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
โดยธนาคารกลางของจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 2.5% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีและส่งสัญญาณพร้อมที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.9% ที่ะรดับ 2,933.99 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวในแดนบวก แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนและความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.3% ด้านหุ้นท่องเที่ยวและการพักผ่อนเพิ่มขึ้น 0.7% เนื่องจากตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวกเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ประเด็นการเจรจาทางการค้ายังเป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจ โดยตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานในวันนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากประเด็นดังกล่าว
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
-แบงก์ชาติ เผยเศรษฐกิจชะลอตัว สงครามการค้ายืดเยื้อ กระทบธุรกิจขนาดกลางหนี้เสียเพิ่ม มองไตรมาส 4 สินเชื่อจะขยายตัวขึ้น หลังไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โตเพียง 3.8%
-"คลัง" เปิดยอดใช้จ่ายมาตรการชิมช้อปใช้ พุ่งแตะ 1.31 หมื่นล้านบาท จากผู้ใช้สิทธิ์ 11.7 ล้านราย สคร.อวดผลงานรัฐวิสาหกิจ ส่งรายได้แผ่นดิน ต.ค.ที่ 6.36 หมื่นล้าน ธปท.เผยสินเชื่อ Q3 โต 3.8%
-ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจไทย (สคร.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2562 (เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563) สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจ(รสก.) และกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า50% (กิจการฯ) จำนวน 63,642 ล้านบาท คิดเป็น 110% ของประมาณการเงินนำส่งรายได้ แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการฯ ในเดือนตุลาคม 2562 จำนวน 58,094 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34% ของเป้าหมายทั้งปี (ตุลาคม 2562 -กันยายน 2563)จำนวน 188,880 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการจัดเก็บรายได้นำส่งจากรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ 2563 (1 ตุลาคม 2562-30 กันยายน 2563)